ไม่พบผลการค้นหา
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มภารกิจเยือนเวียดนาม กระชับสัมพันธ์ทางการค้าในฐานะตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของเวียดนาม เดินหน้าความร่วมมือสาธารณสุข พร้อมเสนอตั้ง CDC ประจำภูมิภาคแห่งแรกที่กรุงฮานอย

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มต้นภารกิจการเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเยือนประเทศเวียดนามหลังจากการเดินทางไปยังสิงคโปร์ มีกำหนดจะทำภารกิจต่างๆ ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. ตอกย้ำการกระชับความสัมพันธ์หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้านโยบาลลดบทบาทการมีส่วนร่วมในเอเชีย เช่นการถอนสหรัฐฯ จากข้อตกลงทางการค้า Trans-Pacific Partnership (TPP) ขณะที่ในปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ชัดเจนมากขึ้นว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศพยายามผูกมิตรกันอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในความร่วมมือของสหรัฐฯ และเวียดนามคือความร่วมมือด้านความมั่นคงทางท้องทะเล โดยก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้จำหน่ายเรือตรวจการณ์ชายฝั่งชั้นฮามิลตัน (Hamilton-class patrol boats) จำนวน 2 ลำให้รัฐบาลเวียดนาม และเรือฉลามโลหะ (Metal Shark patrol boats) อีกจำนวนหลายลำ เพื่อส่งเสริมให้เวียดนามนั้นสามารถยกระดับการรักษาความมั่นคงทางท้องทะเลและลาดตระเวณพื้นที่อันเป็นอาณาเขตทางน้ำของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

ขณะเดียวกัน เวียดนามคือหนึ่งใน 10 ประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 โดยสหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนโมเดอร์นาให้เวียดนามไปมากกว่า 5 ล้านโดสในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาผ่านโครงการ COVAX และกำลังพิจารณาบริจาคเพิ่มอีกในอนาคต 

แน่นอนว่าแผนการบริจาควัคซีนต้านโควิดคุณภาพสูงที่ใช้เทคโนโลยี mRMA จำนวนมากกว่า 23 ล้านโดสให้กับประเทศสมาชิกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นอย่างมากให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับการบริจาควัคซีนที่ผลิตจากประเทศจีน 

แฮร์ริสมีความตั้งใจที่จะเน้นย้ำถึงความสำคัญด้านความช่วยเหลือทางสาธารณสุขดังกล่าวเพื่อยุติโรคระบาดในระหว่างการพบผู้นำเวียดนามในครั้งนี้ และจะเดินหน้าเสนอความร่วมมือทางสาธารณสุขที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วยการ จัดตั้ง 'ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ' หรือ CDC ประจำภูมิภาคแห่งแรกในเอเชียที่กรุงฮานอย 

ไปจนถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยี โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการจัดทำสัญญาการค้าดิจิทัลร่วมกับหลายชาติในภูมิภาค ที่อาจครอบคลุมถึงความมั่นคงทางดิจิทัล และการสร้างมาตรฐานร่วมกันในการรับมือกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสำคัญอย่าง AI และบล็อกเชน 

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามกำลังถูกจับตาจากนานาชาติเช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 แม้โลกต้องเผชิญกับการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 แต่ การค้าในรูปแบบทวิภาคีของสองชาตินั้นโตขึ้นราว 19.8% แตะที่ตัวเลข 90,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่มูลค่าการส่งออกของเวียดนามเองก็พุ่งสูงอย่างไม่น่าเชื่อ คิดเป็นมูลค่ากว่า 77,100 ล้านดอลลาร์ 

ในปีนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดการส่งออกอันดับหนึ่งของเวียดนาม โดยมูลค่าการส่งออกจากเวียดนามไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 37.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 7 เดือนแรกของปี 2563 และ 2564 (เทียบแบบ year-on-year) ซึ่งมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปีนี้สูงถึง 53,700 ล้านดอลลาร์ และมีทีท่าจะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง