ไม่พบผลการค้นหา
'นภาพร' ชี้ การเลื่อนลงมติแก้ไข รธน.ของรัฐบาลและ 250 ส.ว.ตอกย้ำระบบการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน ด้าน 'รยุศด์' ถาม ส.ว. มองเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยหรือไม่ ระบุรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยคือกุญแจดอกแรกที่จะการพัฒนาประเทศ

นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เห็นว่า การจับมือกันระหว่าง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกับ ส.ว.เพื่อเลื่อนการลงมติรับหลักการญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 ออกไปอีก 1 เดือน โดยอ้างว่า ส.ว.ยังไม่ค่อยเข้าใจหลักการจึงต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วยการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาอีก ถือเป็นการเล่นการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน และเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า ประชาธิปไตยไม่มีวันงอกออกมาจากปลายกระบอกปืน

ทั้งนี้ การเลื่อนลงมติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ที่ไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง แต่ถูกทำคลอดออกมาจากระบอบเผด็จการ จะไม่มีวันฟังเสียงประชาชนหรือทำตามความต้องการของประชาชน แต่จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของเครือข่ายพรรคพวกตัวเองเอาไว้ โดยไม่สนใจว่า ประชาชนจะรู้สึกอย่างไรหรือการเมืองจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงหรือไม่

"ไม่ทราบถึงเจตนาของฝ่ายรัฐบาลและกลุ่ม ส.ว.ที่เลื่อนการลงมติออกไปว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะหากจะอ้างว่าต้องการใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติมด้วยการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาอีกก็ฟังไม่ขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้วและทุกฝ่ายก็เตรียมข้อมูลมาอภิปรายอย่างดี โดยเฉพาะ ส.ว.ที่ลุกขึ้นอภิปรายอย่างฉะฉาน อบรมสั่งสอนสมาชิกไปทั้งสภา แล้วจะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร" นภาพร กล่าว

นภาพร กล่าวต่อว่า แทนที่รัฐบาลกับ ส.ว.จะใช้สภาเป็นเวทีหาทางออกให้ประเทศ แต่กลับผลักการเมืองออกไปนอกสภา เพราะแน่นอนว่าประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยเขาคงไม่ยอมรับระบอบการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชนเช่นนี้ ในฐานะ ส.ส. ฝ่ายค้านขอกราบขอโทษประชาชน ที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการแก้ไขได้ แต่จากนี้ไปก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยร่วมกับประชาชนทั้งประเทศยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นมาให้ได้


'รยุศด์' ถาม ส.ว. ว่ามองเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยหรือไม่

รยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวว่า การประชุมร่วมของรัฐสภาที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ไม่ได้มีการลงมติรับ-ไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้แต่ฉบับเดียว โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรครัฐบาล และ ส.ว.จับมือ กันลงมติ 432 ต่อ 255 เสียง ให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการนั้น นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงยุทธวิธีของฝ่ายผู้ถืออำนาจที่ต้องการยื้อเวลาออกไป แต่ยังแสดงให้เห็นว่าเป็นยุคสมัยที่สภายังคงเล่นเกมการเมือง ไม่อาจเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชาชนได้ ท่าน ส.ว. ทั้งหลายยังคงทำหน้าที่ได้อย่างคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมี ส.ว.บางส่วนตอบรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อนหน้านี้ก็ตาม

S__44613656.jpg
  • รยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย

รยุศด์ กล่าวต่อว่า วันนี้น่าจะถึงเวลาพิสูจน์แล้วว่าที่ผ่านมา ส.ว.ยังคงมีตรรกะวิธีคิด และความเชื่อเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตนไม่แน่ใจและอยากตั้งคำถามว่าพวกท่านมองเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยหรือไม่ เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่ในสังคมต่างมองเห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังบังคับใช้อยู่ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยเอาเสียเลย หากเราอยากเห็นประเทศพัฒนา ประชาชนอยู่ดีกินดี การเมืองมีระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ

"กุญแจดอกแรกที่สำคัญที่สุดคือเราต้องมีกฎหมายที่เสรีและเป็นธรรม ดังนั้น ตนคิดว่าวันนี้สังคมไทยต้องช่วยกันตั้งคำถามดังๆ กับเหล่าบรรดา ส.ว. และนักการเมืองมืออาชีพทั้งหลายว่า พวกท่านยังคงมีคุณค่าและประโยชน์กับสังคมไทยคุ้มค่าเงินเดือนภาษีประชาชนอีกต่อไปหรือไม่ เพราะเกียรติภูมิและหัวใจของนักการเมืองคือการรับใช้ประชาชาชนและประเทศชาติ ไม่ใช่รับใช้ระบบอำนาจนิยม หรือระบอบเผด็จการ หรือว่าพวกท่านคิดเห็นเป็นประการอื่น" รยุศด์ ระบุ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :