ทว่าเป็นที่รู้กันในวงการ ตร. ว่าโอกาสที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะได้กลับมายิ่งใหญ่ใน สตช. ริบหรี่นัก เพราะพ้นจากการเป็นข้าราชการตำรวจแล้ว อีกทั้งถูกตอกย้ำด้วยคำตอบของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่า "มีตำแหน่งหรือไม่ ถ้ามีก็กลับได้ แต่นี่มันไม่มีน่ะสิ"
ย้อนกลับไปปีที่แล้ว ‘บิ๊กโจ๊ก’ ถูก ‘เด้งฟ้าผ่า’ จากอดีต ผบช.สตม. ถูกโยกเข้ากรุมาปฏิบัติหน้าที่ประจำที่ ศปก.ตร. จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเป็นหัวหน้า คสช. ได้ลงนามคำสั่ง มาตรา 44 หัวหน้า คสช. โอนมาเป็น ‘ข้าราชการพลเรือน’ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นจุดสิ้นสุด ‘การเป็นตำรวจ’ ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ อดีตดาวรุ่งวงการสีกากี จนได้ชื่อว่า “ผบ.ตร.น้อย”
หลังจากนั้น ‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็ทำตัวโลว์โปร์ไฟล์ แม้เข้ามา ทำเนียบฯ ก็จะมาอย่างเงียบๆ ไม่อยากให้เป็นข่าว จนมาเกิดเรื่อง ‘คดียิงรถ’ ทำให้หางเลขโดนมาถึง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามคำสั่งนายกฯ ให้ พล.ต.อ.วิระชัย มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบกรณี ‘คลิปเสียงหลุด’ โดยเป็นการโทรศัพท์ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในคดียิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งไม่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ลงมาทำคดียิงรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’ โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจนครบาล เพราะมองว่าเรื่องการยิงรถมีการ ‘เตี๊ยม’ และกล่าวว่าสมัย ‘บิ๊กโจ๊ก’ เป็นตำรวจว่า ‘หลอกใช้’ ใครไปบ้าง ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ออกมาซัด พล.ต.อ.จักริพย์ กลับ ให้แสดงสปิริตลาออก สั่งการอย่างนี้ได้อย่างไร พร้อมมองว่าทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก
ซึ่งในขณะนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็กลับมาออกสื่อให้สัมภาษณ์ดุเดือด ถึงขั้นบีบให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องรับผิดชอบหาคนร้ายยิงรถมาให้ได้ โดยเปิดช่องว่า ‘คนวงใน’ ย่อมรู้ว่าใครยิง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเซ็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี ปราม ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน รักษาความลับของทางราชการ มีความสุภาพ เรียบร้อย รักษาความสามัคคี เป็นต้น ซึ่งในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่า ก่อน นายกฯ จะตัดสินใจทำอะไร ก็มาคุยกับตนทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องการเตือน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ด้วย
ก่อนที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะลาบวชที่ประเทศอินเดีย 9 วัน ที่วัดไทยพุทธคยา พร้อมระบุว่าเป็นการบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ เป็นการวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองแต่อย่างใด และได้ฉายา สุรเชฏฺฐโพธิ แปลว่า ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้ซึ่งเจริญที่สุดด้วยความกล้าหาญ
ทำให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามคำสั่งนายกฯ ให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้ง ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. อีกครั้ง
ผ่านมาไม่กี่วัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ลงนามคำสั่ง ตร. ให้ ‘สำรองราชการ’ พล.ต.อ.วิระชัย เซ่นปม ‘คลิปเสียงหลุด’ คุยคดียิงรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ชี้ผลสอบชัด ผิดวินัยร้ายแรง มีเจตนาเปิดเผยความลับทางราชการ ก่อความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร หลัง สตช. แจ้งความกองปราบดำเนินคดีอาญา พล.ต.อ.วิระชัย ฐานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ในประเด็นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือข้อมูลสื่อสารอื่นใด
เท่ากับเป็นการ ‘ดับอนาคต-ปิดประตู’ พล.ต.อ.วิระชัย ในวงการ ตร. ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ไปทันที
แม้ว่าที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะเป็นนายตำรวจน้องรัก สายตรง ของ ‘บิ๊กป้อม’ อดีตประธาน ก.ตร. ยุค คสช. เป็นที่รู้กันว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ เป็นมือทำงานและจัดโผ ตร. ให้กับ พล.อ.ประวิตร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ก็อยู่ในสภาวะ ‘บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น’ เพราะชะตาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปรียบโดนฟ้าผ่า
อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็เป็นน้องรักสาย ตร.ด้วย การที่ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. และนั่งยาว 5 ปี เกษียณอายุราชการใน ก.ย. 2563 ก็ได้รับแรงหนุนจาก พล.อ.ประวิตร ด้วย แต่ในระยะหลังทั้ง ‘2ป.บิ๊กป้อม-แป๊ะ’ ก็มีระยะห่างกัน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ หลังเลือกตั้งก็มานั่งเป็น ประธาน ก.ตร. เองด้วย ซึ่งทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์-พล.อ.ประยุทธ์ ก็สายตรงถึงกัน
แต่ละฝ่ายทั้ง ‘บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กแป๊ะ’ ต่างมีพรรคพวกของตัวเองใน ตร. โดยฝั่งที่หนุน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็อยู่ในที่ตั้ง รอเวลาที่ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เกษียณฯอีก 2 เดือนจากนี้ หวังให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมาผงาดอีกครั้ง อีกทั้งมาพร้อมกระแสให้ พล.อ.ประวิตร กลับมาป็น ประธาน ก.ตร. อีกครั้ง แต่ก็ถูกสยบลงไป หลัง พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธชัดว่า “ไม่จริง”
ในความขัดแย้งระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ เปรียบได้ว่าเป็น ‘ศึกสีกากี’ ก็สะเทือนมาถึง ‘2ป.ประวิตร - ประยุทธ์’ จึงต้องจับตา สตช. ยุคหลัง ‘บิ๊กแป๊ะ’ ที่จะเกษียณฯอีก 2 เดือนข้างหน้า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ ตราบใดที่ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ยังเป็น ผบ.ตร. ตราบนั้น ‘บิ๊กโจ๊ก’ ชะตานั้นริบหรี่
แต่ในวงการ ตร. ต้องจับตากันยาวๆ มองกันเป็นช็อตๆ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้