พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ตลอดการทำงานของรัฐบาล มีความตั้งใจ และซื่อสัตย์ ส่วนใดที่มีปัญหาขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ โดยหากอยากให้บ้านเมืองสงบสุขทุกคนต้องร่วมกัน และรัฐบาลก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร เพราะประเทศเผชิญความยัดแย้งมานานแล้ว จึงต้องใช้ศักยภาพที่มีเพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศ พร้อมขอบคุณสื่อ ที่แม้มองว่าไม่ได้ช่วยตัวเองโดยตรง แต่ก็ถือว่าทุกคนช่วยประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการในการช่วงเหลือการลงทุน ด้านภาษี ยืนยันรัฐบาลต้องทำตามกฏหมายทุกอย่าง จึงต้องขออภัยหากมีเรื่องใดที่ล่าช้าไปบ้าง และในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานแล้ว ให้มีการเร่งรัดเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า คือไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุด พร้อมทั้งยังเปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาภัยแล้ง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยมีมาตราการต่างๆ ลงไปสู่ภาคเศรษฐกิจทุกกลุ่มโดยตรง
แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด คือ การรับมือกับโควิด -19 ที่รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตราการเพิ่มเติม พร้อมกับขอให้ทุกคนระมัดระวัง เรื่องของการเดินทางไปยังต่างประเทศ กลุ่มเสี่ยงต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ที่สำคัญคือต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่เรื่องของหน้ากากอนามัย ขณะนี้ได้เร่งการผลิตเต็มกำลังทุกโรงงานอย่างเต็มที่ แต่ทราบว่ายังไม่เพียงพอ จึงต้องอนุมัติงบให้กับท้องถิ่น จัดทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้า เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และข้าราชการต้องขอความร่วมมือการงดไปดูงานในต่างประเทศ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด -19 ส่วนกำหนดที่เดินทางไปประชุมผู้นำอาเซียนสหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่ลาสเวกัสนั้น ต้องรอดูความชัดเจน ขอทางสหรัฐฯ ที่เป็นเจ้าภาพ ว่าจะเลื่อนประชุมออกไปก่อนหรือไม่ โดยย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทุกเรื่อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มีการอภิปรายในสภาด้วยนั้น ยืนยันว่า ไม่เคยรับปากกับใคร มีเพียงการนำข้อเสนอความร่วมมือกลับมาหารือในประเทศตามขั้นตอน ขณะที่เรื่องสำคัญนั้น คือเรื่องการค้า การลงทุน ที่ขณะนี้มีเรื่องของการห้ามนำสินค้าเข้าในบางประเทศ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลต้องรับฟังความเห็นทุกด้าน รวมถึงโซเซียลมีเดีย และไม่ได้รับฟังเฉพาะกลุ่มที่เชียร์เท่านั้น วันนี้ต้องฟังกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย เพราะรัฐบาลต้องฟังทุกคน และขอยืนยันว่า ทุกนโยบายไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร มีแต่รูปความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเวลานี้ ทั้งนี้เสียงของรัฐบาลจะมีการเปลื่ยนแปลงหรือไม่ หลังจากที่เห็นผลคะแนนจากการอภิปรายแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่หารือกันอยู่ ก่อนที่จะเดินทางออกจากรัฐสภาทันที