ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยแกนนำพรรค และนายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล หรือ บิ๊กเบญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คลองเตย ของพรรค พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตลาดคลองเตย มีการเดินพบปะและรับฟังปัญหาประชาชนโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายตั้งแต่เช้า
ร.ท.ปรีชาพล ระบุว่า ส่วนใหญ่ผู้ค้าขายในตลาดสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจซึ่งปกติตลาดคลองเตยจะคึกคักมาก เพราะผู้ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยจากหลายพื้นที่ แต่ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาค้าขายทรงตัวพออยู่ได้ ไม่คึกคักอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเข้าปีใหม่มานี้การค้าขายยิ่งทรุดหนัก ซึ่งประชาชนและผู้ค้าย่านคลองเตย ต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันด้วยว่า รอคอยการเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่ง ร.ท.ปรีชาพล เชื่อว่า รัฐบาลจากการเลือกตั้ง จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดรับการค้าการลงทุนจากต่างประเทศและฟื้นคืนเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้นเหมือนก่อนปี 2557
พร้อมกันนี้ได้แสดงความห่วงใยประชาชนเกี่ยวกับฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐานหรือ PM 2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯอยู่ โดยฝากให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการและวางแผนงานช่วยเหลือบรรเทา เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชน และยังแนะนำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดผ่าน Application ตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ Air Quality Index เพื่อจะได้ป้องกันให้ทันท่วงทีด้วย
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวถึง การที่กลุ่มคนอยากเลือกเลือกตั้ง ออกมาแสดงเจตจำนงและเคลื่อนไหวไม่ให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ถือเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย โดยเฉพาะยิ่งเข้าสู่วาระใกล้เลือกตั้งที่ประชาชนรอมานาน ดังนั้นทุกฝ่ายต้องยอมรับว่าการแสดงออกทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งถือว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้งมีเจตนาดี และไม่คิดว่าจะนำสู่เงื่อนไขความรุนแรงหรือเกิดปั่นป่วนในสังคมแต่อย่างใด สำหรับพื้นที่คลองเตยและกรุงเทพมหานครโดยรวม พรรคไทยรักษาชาติ กำลังคัดสรรว่าที่ผู้สมัคร คาดว่า จะชัดเจนปลายเดือนนี้หรือต้นเดือน กุมภาพันธ์
ขณะที่นายประพัฒน์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ระบุถึงภาวะฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานว่า การดำเนินการของผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องไม่ทันท่วงที ให้ข้อมูลกับประชาชนไม่ครอบคลุม ซึ่งเกิดจาก ภาวะที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และทำให้มาตรการดูแลการก่อสร้างหรือควบคุม ต้นเหตุของปัญหาไม่เข้มงวด สังเกตจากการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ไม่มีการคลุมตาข่าย หรือแม้แต่การควบคุมการจราจรก็ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คงจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงแล้ว
นายประพัฒน์ กล่าวด้วยว่า อาจถึงเวลาที่สังคมไทยต้องทบทวนว่าโครงการขนาดใหญ่จะต้องกระจายออกไปชานเมือง ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความแออัดและภาวะมลพิษ นอกเหนือจากกระจายการพัฒนาสู่ชานเมืองอีกด้วย