ไม่พบผลการค้นหา
​กรมอนามัย ห่วงเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในช่วงฝนตกหนักน้ำท่วมขัง หวั่นเกิดอุบัติเหตุจากการจมน้ำ ลื่นล้ม ถูกสัตว์มีพิษต่อย ไฟดูด เน้นย้ำผู้ดูแลเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนนี้ได้รับผลกระทบจากพายุหลิ่นฟา ซึ่งส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขังสูง หรือน้ำป่าไหลหลาก อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับกลุ่มเสี่ยงที่ควรเฝ้าดูแลเป็นพิเศษ คือ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เสี่ยงต่อการจมน้ำ การพลัดตกลื่นล้ม การถูกสัตว์มีพิษต่อย หรือการถูกไฟฟ้าดูด  

ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลต้องเพิ่มความระมัดระวังไม่ปล่อยให้เด็กเล่นน้ำหรืออยู่ใกล้น้ำ และไม่ชะล่าใจปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง เนื่องจากผู้สูงอายุสุขภาพร่างกายเสื่อมถอยตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ลดลง เช่น การทรงตัวไม่ดี แขนขาอ่อนแรง มีปัญหาทางสายตา และปัญหาการได้ยิน หรืออาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น พื้นและบันไดลื่น ชำรุด มีสิ่งกีดขวาง พื้นต่างระดับ แสงสว่างไม่เพียงพอ จึงควรสังเกตและทำความสะอาดให้พื้นแห้งอยู่เสมอ และมีแสงสว่างเพียงพอ 

ทั้งนี้หากผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุหกล้มอาจจะได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง เช่น กระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรือบาดเจ็บที่ศีรษะ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และจากข้อมูลกรมควบคุมโรคพบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกหกล้มสูงถึง 2,018 คน หรือเฉลี่ยวันละ 6 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุมากถึง 1,046 คน หรือเฉลี่ยวันละ 3 คน

​นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องพึงระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง คือการถูกสัตว์กัดต่อย ผู้ดูแลควรเก็บกวาดบ้านให้โล่ง โปร่งสบาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่านี้ รวมถึงการระวังเรื่องไฟฟ้าดูด ซึ่งอาจเกิดจากไฟฟ้าภายในบ้านรั่วซึมหรือลัดวงจร ดังนั้น ควรตรวจสอบปลั๊กไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และหากท่านใดพบผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ประสบอุบัติเหตุให้ตั้งสติ เพื่อควบคุมสถานการณ์ ก่อนโทรแจ้งสายด่วน 1669 และนำส่งโรงพยาบาลทันที