ไม่พบผลการค้นหา
"ศรีสุวรรณ" ทวงถามความคืบหน้าปมนาฬิกาหรู  ขู่ซ้ำหากไม่ให้ข้อมูลอีก จะยื่นศาลเอาผิด ป.ป.ช. พร้อมขอให้ไต่สวน "ประยุทธ์-ประวิตร" เอาคนขาดคุณสมบัติและตั้งพ้องเครือญาติมาเป็น ส.ว.

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ที่คัดเลือกและเสนอชื่อบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ว. เป็นใช้อำนาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่, ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า นอกจากการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเครือญาติและพวกพ้องเข้าเป็นสวที่อาจขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้ว จากการตรวจสอบพบ ส.ว. 2 คนขาดคุณสมบัติ คือ 

1)​ นายระวี รุ่งเรือง ส.ว.ลำดับที่ 146 จากกรณีพยายามช่วยให้บุคคลได้รับเลือกเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน ด้วยการเรียกรับเงิน ซึ่งเป็นความผิดวินัย ตามมาตรา 89 พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้ลงโทษลดขั้นเงินเดือนนายระวี และกรมการปกครองเพิ่มโทษ เป็นไล่ออกจากราชการ คำสั่งวันที่ 15 สิงหาคม 2539 ถือว่า นายระวีเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ นอกจากนี้ นายระวี ยังเคยสมัครเป็น นายก อบต. หนองขนาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีลักษณะต้องห้าม และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 จำคุก 6 เดือนปรับ 6,000 บาท โทษจำคุก รอลงโทษ 2 ปี 

2) นายสม เดชนิลพันธุ์ ส.ว.ลำดับที่ 197 จังหวัดนครปฐม เป็นสวแบบสรรหาบุคคลเลือกตามกลุ่มอาชีพ ซึ่งนายศรีสุวรรณ ตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติ เนื่องจากนายสมเดช กับพวกรวม 3 คน เคยถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างที่ดินของเทศบาลตำบลธรรมศาลา จังหวัดนครปฐม และศาลนครปฐมลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนปรับ 13,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษกำหนด 3 ปี ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว และกรณีนี้นายสมเดช รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหาด้วย 

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องควรเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหาสวเชื่อว่าดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามที่ฝ่ายการเมืองได้ทวงถามไป เพราะอาจมีการแต่งตั้งตัวเองเป็นสวเองตามที่ปรากฏเป็นข่าวก็จะมีความผิด ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งทางสมาคมเคยยื่นเรื่องต่อทั้ง ป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาแล้วด้วยเช่นกัน  


147521.jpg

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ ยังถือโอกาสเข้าทวงถามความคืบหน้าและขอข้อมูลการวินิจฉัยกรณีการถือครองนาฬิกาหรูของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ ป.ป.ช.เคยมีมติเอกฉันท์กรณีแหวนเพชร และมติ 5 ต่อ 3 ประเด็นนาฬิกาหรู ว่าไม่มีมูลเพียงพอให้เชื่อว่า พลเอกประวิตรจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ให้คดียุติ ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ 

นายศรีสุวรรณ กล่าวถึงประเด็นการยืมนาฬิกาเพื่อนหรือรับทรัพย์สินที่ยืมจากผู้อื่นของพลเอกประวิตรว่า ยังอยู่ในการพิจารณา ของ ป.ป.ช. ซึ่งสมาคม ได้มีหนังสือขอข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงต้องมาทวงถามความคืบหน้าและขอข้อมูลอีกครั้ง โดยข้อมูลที่ขอประกอบด้วย

1)รายละเอียดของคำวินิจฉัยที่แท้จริงของกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนและฉบับรวมกรณีถือครองนาฬิกาหรูของ พลเอกประวิตร ซึ่งสื่อมวลชนหลายสำนักรายงานว่า ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์กรณีแหวนเพชร และมติ 5 : 3 ประเด็นนาฬิกาหรู สมาคมจึงขอทั้งสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับรายงาน เอกสารที่เกี่ยวข้องและสํานวนการตรวจสอบ การสอบสวน หรือการไต่สวนเบื้องต้น ในกรณีดังกล่าว

2)ขอสอบถามความคืบหน้าของคำร้องในประเด็นที่เกี่ยวกับการรับทรัพย์สินที่ยืมจากผู้อื่น ของ พลเอกประวิตร ที่เข้าข่าย “การรับประโยชน์อื่นใด” ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ซึ่งขัดต่อ พรป.ว่าด้วย ป.ป.ช.ทั้งปี 2542 พรป.ป.ป.ช. ปี 2561 ที่ยังอยู่ในการพิจารณานั้น มีความคืบหน้าไปอย่างไร

โดยนายศรีสุวรรณ ยืนยันด้วยว่า หากการมาขอข้อมูลครั้งนี้ ป.ป.ช.ยังเพิกเฉย ก็จะนำคำร้องไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อวินิจฉัยต่อไป และอาจต้องยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ด้วย 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :