ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ แพทองธาร ลงพื้นที่ ภูเก็ตเดินหน้าสร้างโอกาสใหม่ด้วยแนวคิด”บนความร่วมมือ ด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียว” สร้างอนาคตแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยพลังซอฟพาวเวอร์ หนุนแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศเป็นจุดหมายปลายทาง “เที่ยวได้ตลอดทั้งปีไม่มีโลว์ซีซั่น”

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ “Thailand Sustainable Tourism Conference 2025” เวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้เสียในภาคการท่องเที่ยวและนำนโยบายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย  นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ในฐานะนายกรัฐมนตรี มาติดตามเรื่องการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน GDP ของประเทศ ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของชาวต่างชาติที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต พร้อมหาแนวทางเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน รวมทั้งการพัฒนาเรื่อง Soft Power ของทุกจังหวัดด้วย

โดยจังหวัดภูเก็ตมีจุดเด่นเรื่อง Medical เรื่องของสุขภาพ ที่ชาวต่างชาติมองเป็นสถานที่แรก ๆ ที่จะเดินทางเข้ามารักษาและฟื้นฟูหลังการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลานานในการพักฟื้น เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ชาวต่างชาติเลือกมาจังหวัดภูเก็ตเป็นอันดับแรก โดยรัฐบาลจะส่งเสริม และพัฒนาเรื่อง Medical ต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรูปแบบการจัดงานในวันนี้ว่า จัดมาในรูปแบบของความยั่งยืน (Sustainability) สอดคล้องกับทั่วโลกที่เน้นเรื่อง Green อาทิ Green Energy ซึ่งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทุกวัน มีความเสื่อมโทรม จำเป็นต้องหาทางฟื้นฟูกลับด้วย เพื่อที่ให้เกิดความสมดุล ให้รู้สึกว่าเมื่อใช้ไปแล้ว ก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด

“มนุษย์ 1 คนผลิตขยะคนละกิโลกว่าต่อต่อวัน ขยะต่อวันจึงค่อนข้างเยอะมาก และจังหวัดภูเก็ตก็มีปัญหาเรื่องขยะและน้ำเสีย เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแล และแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยจะต้องเปลี่ยนจากขยะกองโตสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทำให้สังคมและประชาชนรับรู้ว่าการที่จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ต้องทำอย่างไร ซึ่งเราต้องทำให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างเพิ่มมากขึ้นด้วย”

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่จังหวัดภูเก็ตได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมการท่องเที่ยวยั่งยืนโลก (GSTC - Global Sustainable Tourism Conference) ในปี 2026 โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในหลาย ๆ อีเว้นท์ สะท้อนให้เห็นศักยภาพและความเชื่อมั่นของประเทศไทยเริ่มกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ประกาศว่าประเทศไทยมีการลงทุนจากต่างชาติสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยจะเห็นได้ว่าต่างชาติในกลุ่ม Luxury หรือ Ultra Luxury ให้ความสนใจประเทศไทยมากขึ้น นำมาสู่คำถามที่ว่าบุคลากรในประเทศมีความพร้อมที่จะรองรับกลุ่มลูกค้ามากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องเตรียมความพร้อมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย นอกจากนี้ Spending per Head ของนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตมีแนวโน้มสูงขึ้น รัฐบาลจึงต้องการสนับสนุนและรองรับการเติบโตนี้

ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจราชการที่ จังหวัดภูเก็ตที่ผ่านมา ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่อง ท่าเรือยอชท์ และการบำรุงรักษา (Maintenance) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการท่องเที่ยว และต้องการเป็น Facilitator ให้กับภาคเอกชน เนื่องจากภาครัฐเป็นองค์กรขนาดใหญ่ อาจไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในทุกมิติ ในขณะที่ภาคเอกชนมีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ตรง จึงเป็นเหตุผลในการจัดตั้ง “อนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์” ขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชนช่วยแสดงความคิดเห็น วางแผน และมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าอาเซียน ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลต้องคำนึงถึงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชน หากมีข้อเสนอแนะ รัฐบาลยินดีรับฟัง เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการพัฒนานโยบายที่เหมาะสม การท่องเที่ยวไม่สามารถจะเดินทางคนเดียวโดยรัฐได้ จำเป็นต้องอาศัยภาคเอกชน ภาคประชาชนร่วมมือกันในการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศให้ครบทุกมิติ เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบจบแก่นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกจังหวัด โดยรัฐบาลมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ “เที่ยวได้ตลอดทั้งปี” ไม่ใช่แค่ช่วง High Season เท่านั้น เพราะหาก สามารถกระจายการท่องเที่ยวตลอดปีได้ อัตราค่าห้องพัก (Room Rate) ก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น“นายจิรายุกล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการและบูธกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของจังหวัดภูเก็ต โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามแนวคิด พร้อมพูดคุยให้กำลังผู้ประกอบการ เช่น บูธโครงการสร้างฝัน สร้างอาชีพ ยาหยีแบรนด์ ของคนภูเก็ต โดยคนภูเก็ตเพื่อคนภูเก็ต ร่วมกับโรตารีเหมืองแร่ภูเก็ต ซึ่งเป็นการต่อยอดเรื่องราววัฒนธรรมของคนภูเก็ต โดยการนำเศษผ้ามาออกแบบและตัดเย็บจากฝีมือคนในชุมชนภูเก็ต สู่การสร้างอาชีพจากเศษผ้า สู่สินค้าฝีมือผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ที่สร้างสรรค์ และสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับผู้ต้องขัง อีกทั้งยังลดเศษขยะจากเศษเหลือใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอตามเป้าหมาย โครงการ Zero Waste ของยาหยี