ไม่พบผลการค้นหา
'ชัยชาญ' แจงปมถูกถล่มงบฯกลาโหม ย้ำงบฯปี 65 ถูกตัดลดทุกรายการ แต่จำเป็นต้องมีงบป้องกันผลประโยชน์ชาติ ด้าน 'จิรายุ' ถล่ม 'ประยุทธ์' ยกฉายาให้เป็นนักกู้แห่งอาเซียน จัดทำงบฯแบบกิโยตินประเทศ กู้เหนือกว่า 28 นายกฯ รวมกัน ทำยอดกู้ 7 ปีพุ่ง 5 ล้านล้าน

วันที่ 31 พ.ค. 2564 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงประเด็นการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ว่า ขอบคุณที่ให้ความสนใจในการจัดสรรงบประมาณปี 2565 ในส่วนของกระทรวงกลาโหมในทุกหน่วยงาน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพใช้ศักยภาพ ทรัพยากรที่มีอยู่ กำลังคน เครื่องมือ หน่วยแพทย์ โรงพยาบาล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการร่วมกันช่วยเหลือป้องกันการแพร่ระบาดโควิดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในปี 2563 กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดงบฯ 2.3 แสนล้าน พอมีสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการส่งคืนงบประมาณเพื่อใช้เยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท และในปี 2564 กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 ได้รับการเสนองบประมาณจำนวน 2.03 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.24 โดยมีการลดลงในทุกรายการ ซึ่งกระทรวงกลาโหมจะใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาร้อยละ 17 ก่อสร้างปรับปรุงอาคารสถานที่ ร้อยละ 9 และใช้จ่ายบุคคลากร ปฏิบัติภารกิจของหน่วย ร้อยละ74

ชัยชาญ สภา งบประมาณ B74EB077-FAC0-4F91-83AF-78A32CEBEDBD.jpeg

พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า กองทัพจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะประเทศไทยมีพื้นที่ติดเขตทะเลหลายด้าน ทั้งอ่าวไทย ทะเลอันดามัน ซึ่งมีผลประโยชน์ทางทะเล โดยปัญหาพื้นที่ทับซ้อนที่สร้างความขัดแย้งยังคงมีอยู่ ดังนั้นต้องมีงบประมาณสำหรับเตรียมการปกป้องผลประโยชน์ของชาติไว้บางส่วน ส่วนงบจัดหายุทโธปกรณ์ก็มีเพียง1ใน3 เท่านั้น และทุกกองทัพก็คำนึงถึงภาวะประเทศ โดยพยายามพึ่งตนเอง และพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพใช้งานได้ เช่น สามารถผลิตยางรถยนต์ทางทหารได้เอง กระสุนปืนเล็กสามารถผลิตใช้เองได้ 50 ล้านนัดต่อปี ซ่อมแซมยุทโธปกรณ์ที่ชำรุดให้ใช้งานได้ หรือเอาส่วนที่หมดสภาพไปแลกเปลี่ยน ส่วนยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ เราจะจัดหามาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้สามารถรองรับภารกิจได้ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

“ขอยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลประชาชนทุกเรื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ประสานกับหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยยืนยันว่าเราจะใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด” พล.อ.ชัยชาญ ระบุ

'จิรายุ' สับแหลก 'ประยุทธ์' ยกระดับนักกู้แห่งอาเซียน

เวลา 22.00 น. จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ว่า 7 ปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ภาษีไปแล้วกว่า 20.8 ล้านล้านบาท เป็นนักกู้แห่งลุ้มน้ำเจ้าพระยา แต่ทำให้ GDP โตเฉลี่ยขึ้นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าห่วยมาก 

“อยากถามประชาชนที่ดูอยู่ทางบ้าน ท่านจะให้ฉายานายกรัฐมนตรีว่าอย่างไร ช่วยกันบอกหน่อย ท่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยิ่งเป็นการแก้ไขโควิด ที่กลางวันประกาศอย่าง กลางคืนอีกอย่าง แบบนี้ประเทศจะเป็นอย่างไร”

จิรายุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลจะกู้เพิ่ม 7 แสนล้าน แต่ต่อมาเปลี่ยนใจเป็น 5 แสนล้าน เพราะหนี้สาธารณะกำลังจะทะลุเพดาน 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้ารัฐบาบลใช้ความรู้ และประสบการณ์ความผิดพลาดที่ผ่านมา ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน รัฐบาลนี้เอาแต่โทษประชาชนทุกอย่าง หาว่าประชาชนไม่ดูแลตัวเอง แต่เวลาจะกู้กลับมาขอเงินประชาชน 

“รัฐบาลชุดนี้ทำตัวอย่างกับป๋า เสี่ย ทำเหมือนงบงบประมาณเป็นเงินส่วนตัว เงินกู้เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ทำงบประมาณแบบกิโยตินประเทศ ขยี้คนไทยให้ตาย เราจึงจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”

จิรายุ กล่าวว่า เหตุผลที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับงบประมาณฉบับนี้ คือการใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงหยาดเหงื่อประชาชน เมินคราบน้ำตาและชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ รัฐบาลยังคิดว่ามีอำนาจที่ยึดมาจากประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องคิดใหม่ สนใจประชาชน 

“นับแต่ปี 2475 รวมนายกรัฐมนตรี 28 คน ของประเทศไทย กู้ไปทั้งสิ้น 2.39 ล้านล้านบาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวอยู่มา 7 ปี กู้ไปถึง 5 ล้านล้านบาท เฉลี่ยปีละ 8 แสนล้านบาท ตอนนี้เป็นนักกู้แห่งอาเซียน อีกหน่อยคงขยับไปเป็นระดับเอเซีย และคงเป็นอันดับ 1 ใน 5 ของโลก”

จิรายุ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ถ้าตนจะเสนอสร้างสะพานชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะวีรบุรุษของชาติที่ทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง นรชาติ ติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์ สถิตทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา

สำหรับการประชุมสภาฯ ในวันแรกได้อภิปรายมาถึงวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 00.12 น. โดยประธานที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมและนัดประชุมอีกครั้งในเวลา 09.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง