ไม่พบผลการค้นหา
นักวิเคราะห์มองจีดีพีจีนชะลอตัว สาเหตุหลักจากหนี้คงค้างและความอ่อนแอด้านผลผลิตและแรงงาน

เศรษฐกิจของจีนยังคงดำเนินไปอย่างเข้มแข็งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกแม้อัตราการเติบโตจะชะลอตัวไปบ้าง อย่างไรก็ตาม มาร์ค วิลเลียม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชีย ของบริษัทแคปิตอล อิโคโนมิก ชี้ให้เห็นว่า ความเข้มแข็งของจีนกำลังเดินมาถึงจุดจบ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอาจจะตกลงถึงร้อยละ 2 ภายในช่วงเวลา 10 ปี ข้างหน้า โดยลดลงจากค่าประมาณการที่ร้อยละ 6 – 6.5 ของปีนี้


“ห้วงเวลาของจีนที่มีเศรษฐกิจแซงหน้าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ กำลังจะจบลง” วิลเลียม กล่าว


วิลเลียมยังเสริมอีกว่า อัตราการเติบโตร้อยละ 2 ที่คาดว่าจะลดลง “ยังเป็นหนทางที่ยาวไกล” จากตัวเลขร้อยละ 5 – 6 ที่มีการคาดการณ์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ในช่วงทศวรรษข้างหน้า

ในงานสัมมนาประจำปีเรื่องต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันอังคาร (5 มีนาคม) ที่ผ่านมา ผู้บรรยายหลายคนได้พูดถึงความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก โดยชี้ประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะ การลดลงของกำลังแรงงาน และผู้ขับเคลื่อนผลผลิตที่อ่อนแอลงมากขึ้น

การคาดการณ์ข้างต้นออกมาหลังจากที่ หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ประจำปี 2562 ที่ร้อยละ 6.0 – 6.5 ต่อสภาประชาชนแห่งชาติจีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขประมาณการดังกล่าว ลดลงจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ หลี่เค่อเฉียง ยังเตือนว่าประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่รออยู่ของเศรษฐกิจเอเชีย


“เราต้องเตรียมพร้อมทุกรูปแบบกับอุปสรรคอันยากลำบากที่รออยู่” หลี่เค่อเฉียง กล่าว


ความเสี่ยงที่รออยู่

จูเลียน อีวาน พริตชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านเศรษฐกิจจีนประจำแคปิตอล อิโคโนมิกโจมตีรัฐบาลจีนว่า ประเด็นหนี้ของจีนจะไม่หายไปไหน โดยเฉพาะในแง่ของหนี้ภาคเอกชนและหนี้ครัวเรือน จูเลียนยังโทษว่าสถานการณ์หนี้เกิดขึ้นจากการปล่อยกู้ที่ไม่มีคุณภาพ


“ผู้กำหนดนโยบายมีความพยายามในการเปลี่ยนการให้กู้จากบริษัทของรัฐฯ มายังภาคเอกชน แต่จนถึงตอนนี้ ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ” จูเลียน กล่าว


จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่เป็นของรัฐใช้งบประมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อนหน้า จูเลียนยังกล่าวเพิ่มว่า การช่วยเหลือบริษัทที่มีหนี้อยู่แล้วจะเป็นเรื่องยากเนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว พร้อมชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นภาคส่วนที่มีการยืมเงินมากที่สุด

นักวิเคราะห์หลายคนออกมากล่าวว่ารัฐบาลจีนอาจต้องกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วยการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น ซึ่งวิลเลียมออกมาเตือนว่า รัฐบาลจีนควรใช้วิธีควบคุมการกู้ยืมเงินผ่านธนาคารเงา เพราะเป็นการกู้ยืมเงินของเหล่าบริษัทเอกชนที่ไม่ได้ผ่านระบบธนาคาร และไม่มีการกำกับดูแลอย่างทั่วถึง ทำให้มีความเสี่ยงมาก

ส่วนสาเหตุที่บริษัทเอกชนเลือกการกู้ยืมเงินจากธนาคารเงา มาจากเหตุผลว่าธนาคารของรัฐมักเลือกให้บริษัทที่เป็นของรัฐบาลกู้เงินมากกว่าบริษัทเอกชน

ผลผลิตและภาคแรงงาน

วิลเลียม กล่าวว่า นอกจากปัญหาหนี้ของจีน ประเด็นกลไกที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดมาของประเทศหรือทรัพยากรมนุษย์ก็กำลังอ่อนแอ โดยเป็นผลพวงมาจากนโยบายลูกคนเดียวที่เริ่มใช้ในปี 2513 ส่งผลให้ประเทศมีประชากรในวัยแรงงานน้อยลง กระทบต่อกระบวนการผลิตเช่นเดียวกัน

ในรายงานฉบับเดือนมกราคมของแคปิตอล อิโคโนมิก พบว่า การอ่อนกำลังลงของภาคแรงงานในจีน อาจทำให้จีดีพีของประเทศจีนตกลงราวร้อยละ 0.5 ภายในปี 2573 โดยตัวเลขประชากรเกิดใหม่ของจีนในปี 2561 มีเพียง 15 ล้านคน ตกลงจากตัวเลขประชากรเกิดใหม่ในปี 2560 ถึงร้อยละ 12 ส่งผลให้ตัวเลขประชากรที่สามารถทำงานได้ตกลงเฉลี่ยร้อยละ 0.2 ต่อปี แม้รัฐบาลจีนจะมีนโยบายให้ประชาชนมีลูกได้สองคนแล้วก็ตาม แต่วิลเลียมย้ำว่า สิ่งที่ฉุดเศรษฐกิจจีนให้ชะลอตัวคืออัตราการเติบโตด้านผลผลิตที่ลดลง

วิลเลียมทิ้งท้ายว่า หากประเทศจีนตองการหลุดพ้นจากปัญหาเหล่านี้ ประเทศจะต้องพึ่งการเติบโตภายในประเทศเพื่อขับเคลื่อนผลผลิต เนื่องจากประเทศจีนมีการส่งออกที่มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยการเพิ่มผลผลิตนั้น ถ้าไม่มาจากการลงทุนหรือโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ก็ต้องมาจากการเพิ่มผลผลิตต่อแรงงาน และจะต้องพึ่งเทคโนโลยีเพื่อช่วยในด้านการผลิตมากขึ้น

อ้างอิง; CNBC, WSJ