นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จ.สิงห์บุรี เดินทางมาจากเชียงราย แต่รายนี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากเพิ่งได้รับแจ้งเมื่อเช้า อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนโรคว่าเป็นการติดเชื้อจากที่ใด และเดินทางข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการติดเชื้อในประเทศหรือติดเชื้อมาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าหากประชาชนเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่และ จ.เชียงราย เมื่อกลับมาภูมิลำเนาแล้วคงไม่ต้องกักตัว 14 วัน หากไม่ได้มีความเสี่ยงในการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพราะยังไม่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาด
ด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 14 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) 13 ราย จากยูเครน 1 ราย เนปาล 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย สาธารณรัฐเช็ก 1 ราย นอร์เวย์ 1 ราย เยอรมนี 2 ราย สหรัฐอเมริกา 3 ราย เมียนมา 3 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่ จ.เชียงราย
รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 45 ปี มาจากยูเครน เข้าพัก State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ
รายที่ 2 เป็นชายสัญชาติเนปาล อายุ 46 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ
รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 33 ปี มาจากเนเธอร์แลนด์ เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ
รายที่ 4 เป็นชายสัญชาติเช็ก อายุ 71 ปี เข้าพัก Alternative State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ
รายที่ 5 เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานนวด มาจากนอร์เวย์ เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี
รายที่ 6 และ 7 มาจากเยอรมนี รายแรกเป็นหญิงสัญชาติเยอรมัน อายุ 68 ปี เข้าพัก Alternative State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ อีกรายเป็นหญิงไทย อาชีพ 41 ปี อาชีพแม่บ้าน เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี
รายที่ 8, 9 และ 10 มาจากสหรัฐอเมริกา รายแรกเป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และรายที่สองเป็นหญิงไทย อายุ 30 ปี อาชีพวิศวกร เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ อีกรายเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 32 ปี เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี
รายที่ 11, 12 และ 13 เป็นหญิงไทย อายุ 23, 24 และ 25 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง มาจากเมียนมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
รายที่ 14 เป็นชายไทย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหญิงไทยที่ จ.พะเยา ซึ่งกลับจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,053 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,455 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,598 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 7 ราย รวมเป็น 3,839 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 154 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 65,527,498 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,511,719 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 14,535,196 ราย ตามมาด้วยอินเดีย 9,571, 780 ราย บราซิล 2,375,546 ราย รัสเซีย 2,375,546 ราย และฝรั่งเศส 2,257,331 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 151
วีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 70/2563 โดยมี นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เลขานุการคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วม
นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคืบหน้าของการสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 43 และ 44 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ไม่มีอาการปกติ ยังคงพักรักษาอยู่ที่ห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์
สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 7 ราย ตรวจแล้ว 3 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้ง 3 ราย และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 17 ราย โดยทั้งหมดจะถูกเก็บสิ่งส่งตรวจเมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัสผุ้ติดเชื้อ ในวันที่ 6 ธันวาคม
ทั้งนี้ ได้กล่าวถึง กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ทำงานในสถานบันเทิงเดียวกันกับที่พบการระบาดของโควิด-19 จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักควบคุมโรคที่ 1 พบว่า ผู้ป่วยรายนี้ เริ่มมีอาการในวันที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 โดยมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก การได้รับกลิ่นลดลง และได้เดินทางข้ามพรมแดนธรรมชาติมาในช่วงค่ำของวันที่ 30 พ.ย. พักที่ อ.แม่สาย 1 คืน และเดินทางเข้าพักใน อ.เมือง จ.เชียงรายอีก 1 คืน
ก่อนที่จะเดินทางจังหวัดเชียงใหม่โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ (พักคนเดียว) ในเวลา 20.00 น. และได้ออกไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดหน้า ป.พัน 7 ประมาณ 10 นาที เพื่อซื้ออาหารมารับประทาน โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกไปนอกที่พัก
วันที่ 3 ธันวาคม 2563 เวลา 09.45 น. เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และเวลา 14.00 น. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 พร้อมรับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์
จากการติดตามกล้องวงจรปิดจากสถานที่ 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 5 ราย โดยจะนัดส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัส ในวันที่ 7 ธันวาคม 2563