วันที่ 1 มี.ค. 2566 พรรคเพื่อไทยแถลงยุทธศาสตร์ และเสวนานโยบายประมงพรรคเพื่อไทย ในหัวข้อ ‘ประมงไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง’ ณ พรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ให้ความสำคัญกับการประมง จึงเริ่มพูดคุยพบปะผู้ประสบปัญหาโดยตรง จนได้เห็นสภาพปัญหา ซึ่งในมุมของฝ่ายค้านเราทำทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมง ที่เกิดจากกลไก IUU Fishing มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ยื่นร่สง พ.ร.บ.การประมงฉบับเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 และเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา สภารับหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่จะช่วยเหลือพี่น้องประมงไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจึงร่วมมือกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นำโดยมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากสมาคมประมงทั้ง 22 จังหวัด รวมทั้งการลงพื้นที่ภูเก็ต พังงา นครศรีธรรมราช มีเสียงสะท้อนของพี่น้องประมงที่ส่งผ่านมายังพรรคเพื่อไทย จึงขอประกาศนโยบาย ด้านประมงทะเลอย่างเป็นทางการ 3 ด้าน ที่จะทำทันทีคือ
1. จะยกเลิก พ.ร.ก. ที่เป็นผลพวงรัฐประหารโดยทันที และบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉบับใหม่ที่ร่วมเขียนโดยพี่น้องชาวประมงตัวจริง พี่น้องสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เราปลดพันธนาการ ขจัดปัญหาที่ขวางพี่น้องเอาไว้ ให้หมดไปครับ รวมถึงช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบทันที
2.จะเร่งเจรจาข้อตกลง IUU Fishing ใหม่ โดยตรงกับสหภาพยุโรป(EU) เพื่อแก้ไขและปรับปรุงข้อตกลงโดยเคารพบทบัญญัติของกฎหมายทะเลและแผนปฏิบัติการของ FAOอย่างเคร่งครัด เป็นธรรมและโปร่งใส
3. จะปลดล็อกประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนใดๆ ให้พี่น้องได้ทำมาหากินอย่างเท่าเทียม พรรคเพื่อไทยยังมองเห็นศักยภาพที่ต้องพัฒนาในระยะยาว เราจะพัฒนาและอนุรักษ์การประมงไทยอย่างควบคู่กันไป
ทั้งนี้ การประมงไทยต้องพัฒนา มีทิศทางที่ชัดเจน มีเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างชาวประมงรุ่นใหม่ และมีนโยบายต่างประเทศเพื่อเพิ่มการส่งออกผลผลิตอาหารทะเล ไปพร้อมกับการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อย่างสูงสุด ให้ชาวประมงทุกประเภทได้เข้าถึงอย่างเสมอภาค และจะต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมการประมงแบบดั้งเดิมให้อยู่คู่คนไทยอย่างยั่งยืน
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า จากนโยบายดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่า ชีวิตของพี่น้องชาวประมงไทยจะดีขึ้น จะมั่นคงขึ้น จะมีโอกาสมากขึ้น กลับมายืนหยัดอย่างสง่างาม เราจะฟื้นคืนและยกระดับประมงไทยให้กลับมายิ่งใหญ่เป็น 'เจ้าสมุทร' อีกครั้ง ประมงไทยจะต้องกลับไปยืนบนเวทีโลกให้ได้ ที่ผ่านมาพระราชบัญญัติประมง พ.ศ. 2558 ได้ทำลายการประมงไทย ได้พรากเอาชีวิต พรากเอางาน พรากรายได้ พรากความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวประมงไปจนหมดสิ้น โอกาสที่เคยมีหายไป เรือประมงต้องจอดนิ่งมานาน 8 ปี เรือเคยมีมากกว่า 20,000 ลำ เหลือเพียง 9,606 ลำเท่านั้น และเกือบทั้งหมดที่หายไป คือเรือประมงขนาดกลางและขนาดเล็ก พี่น้องประมงกว่า 50,000 ครอบครัวได้รับผลกระทบ
“การออกกฎหมายที่ผิดพลาด สร้างความเสียหายกับอุตสาหกรรมประมงไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 ล้านบาท ทำให้การประมงไทยที่มีศักยภาพติดอันดับโลก กลับต้องพังทลายเพราะการไม่ฟังเสียงพี่น้องประชาชนของรัฐบาลปัจจุบัน” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาล คสช. ต้องการให้สหภาพยุโรปรับรอง จึงยอมทำตามกฎ IUU ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อจรรยาบรรณการประมง สหภาพยุโรปได้แจกใบเหลืองให้ไทย กล่างหาไทยทำประมงผิดหลักสากลรวม 20 ข้อ พร้อมให้หามาตรการป้องกันการแจกใบแดงเป็นเด็ดขาด ซึ่งมีนักวิชาการหลายคน ตีความว่าเป็นประมงเถื่อน หากชาวประมงทำผิดจะมีโทษทั้งแพ่ง อาญา และปกครอง การแก้ปัญหาดังกล่าว ต้องหารัฐบาลที่แข็งแรง รู้จริง กล้าทำ คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เราสร้างเครื่องมือทางกฎหมาย พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจทำในเรื่องนี้ สิ่งแรกนายกรัฐมนตรี ต้องประกาศความจริงใจและเร่งแก้กฎหมายที่สร้างผลกระทบให้กับพี่น้องชาวประมง รวมไปถึงการเจรจากับอียู
“ผมขอให้ความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำคือ คิดใหญ่ ทำเป็น เปลี่ยนโครงสร้างการประมงไทยให้ดีกว่านี้” ปลอดประสพ กล่าวทิ้งท้าย
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในหัวใจพี่น้องชาวประมง 22 จังหวัด ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เปิดโอกาสให้มาทำงานร่วมกัน หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ขอเสนอแนะ ดังนี้
1.อยากให้ออกพระราชกำหนดประมง ล้างพระราชกำหนดประมงเผด็จการทันที โดยไม่ขัดกับหลัก IUU
2.เร่งรัดเยียวยาพี่น้องประมงที่ได้รับผลกระทบ
3.กำหนดนโยบายคืนความเป็นธรรม คืนอาชีพ คืนชีวิต คืนความเป็นประชาชนที่ถูกกระทำเหมือนไม่ใช่คนให้กับชาวประมง
4.ขอให้เร่งซื้อเรือออกนอกระบบ เพราะตอนนี้มีเรือมากกว่าปลา
5.มีนโยบายส่งเสริมอาชีพประมง
6. การเจรจากับสหภาพยุโรป ขอให้ชาวประมงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเข้าใจปัญหาประชาชน ต้องมาจากประชาชน จะเข้าใจการต่อรอง การพูดคุยกับสหภาพยุโรป รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะฟังเสียงประชาชน แต่ที่ผ่านมามีการออกกฎระเบียบ มีคำสั่ง คสช.ให้เรือประมงที่มีใบอนุญาตไม่ถูกต้องต้องจอดทันที ทั้งหมดจำนวน 2,599 ลำ
“การที่รัฐบาล คสช.เร่งแก้ไขเสมือนบ้านเรามีหนู แมลงสาบไม่กี่ตัว ถ้าเป็นรัฐบาลที่ดีจะหากรงมาจับ แต่กลับแก้โดยการเอาน้ำมันไปราด และจุดไฟ บ้านของชาวประมงวอดทั้งหลังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การถูกใบเหลืองรัฐบาลควรต้องเอาโจทย์ที่กล่าวหามาดู และแก้ปัญหาแบบทีมไทยแลนด์ไปด้วยกัน การออกกฎหมายประมงไม่ถามชาวประมง กลับออกตามคำสั่งสหภาพยุโรปฝ่ายเดียว ทำให้เกิดความล่มสลายของอาชีพคนประมง” มงคลกล่าว
วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีตประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และอดีตนายกสมาคมนอกน่านน้ำไทย กล่าวว่า อาชีพประมงถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติ ประมงไทยเคยอยู่อันดับ 7 ของโลก ในช่วงเวลา 20 ปีก่อน เราส่งออกอาหารทะเลอันดับ 1 แต่ตอนนี้ส่งออกอันดับ 10 หากพรรคเพื่อไทยจะฟื้นฟูความเป็นเจ้าสมุทรต้องเริ่มที่การดูแลจัดการทรัพยากร คือ
1.เพิ่มงบการวิจัยและพัฒนาให้กับกรมประมง การ track ปลาเพื่อให้รู้วิถีชีวิต และการขยายพันธ์ุ เพื่อจัดการทรัพยากร
2.นำเรือประมงที่ยังจอดอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ คืนสิทธิความเป็นเจ้าของเรือ
3.เรือนอกน่านน้ำ เหลืออยู่ 2 ลำ คนไม่กล้าทำประมงนอกน่านน้ำ เพราะไม่มีใบอนุญาต หรือถ้าจะขอใบอนุญาตต้องมีเงินในบัญชี 10 ล้านบาท
4. การแปรรูปสร้างมูลค่า ควรสนับสนุนสินค้าประมงให้เป็นสินค้า Value creation หรือการสร้างมูลค่าเพิ่ม
5.การดูแลบุคลากร คนประจำเรือและลูกเรือ ดึงคนไทยกลับมาทำประมงให้ได้