ไม่พบผลการค้นหา
'เศรษฐา' หวัง ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา ย้ำ “แสนสิริ” บริหารงานด้วยความโปร่งใส  มั่นใจ “เพื่อไทย-พรรคร่วม” มีเจตนาดี ทำเพื่อ ปชช.-ประเทศ ขออดใจรอโผ ครม. ยัน “ทักษิณ” กลับไทยไม่เกี่ยวเพื่อไทย  ลุย นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตทันที ผิดหวัง “ชูวิทย์” ด้อยค่า

วันนี้ (20 ส.ค. 2566) เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ถึงความพร้อมก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 22 สิงหาคมนี้ โดยเศรษฐา มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเข้าใจว่าการเข้าสู่ชีวิตการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ ก็ต้องยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนเรื่องของการโหวตตนเชื่อว่าทั้ง สส. และ สว. จะมีวิจารณญาณ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากที่ตนนั้นได้แถลงข่าวอย่างชัดเจนแล้ว “หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา” ก่อนย้ำถึงเรื่องการบริหารงานบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล 

“ขอย้ำว่าเราเป็นผู้ซื้อ ภาระอยู่ที่ผู้ขายในแง่ของการเสียภาษี เราไม่มีส่วนในการช่วยเหลือเขา ไม่มีเงินทอน ไม่มีการตั้งบริษัทนอมินี และที่สำคัญไม่มีการให้กู้กับบริษัทนอมินีด้วย ราคาที่ดินที่ทำการซื้อขายเหมาะสม เราบริสุทธิ์ใจในการทำงาน” เศรษฐา กล่าว

ส่วนกรณีกระแสว่าในวันที่ 21 สิงหาคม จะมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน เศรษฐา บอกว่าตนไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงมั่นใจในคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทยว่ามีความคืบหน้าไปได้มากแล้ว “ถึงเวลาแล้ว ปัญหาบ้านเมืองถูกหมักหมมมานาน ควรจะต้องมีรัฐบาลได้แล้ว” เศรษฐา กล่าว

เมื่อถามถึงสิ่งแรกที่จะดำเนินการ หากได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ระบุว่า หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็ต้องตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกันก่อน หล่อหลอมนโยบายของทุกๆพรรคการเมืองโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่การเป็นรัฐบาลผสม ตนก็เข้าใจและต้องให้เกียรติพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย “เรามีไอเดียอยู่แล้ว แต่ขอเก็บไว้รอคุยกับพรรคร่วมก่อน” เศรษฐา กล่าว

เศรษฐา ย้ำว่าตนมีความมั่นใจในคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอยากให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ วันที่ 22 สิงหาคม จะเป็นสเต๊ปที่สองหลังจากวันเลือกตั้ง หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

ส่วนกรณีโผคณะรัฐมนตรีที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆนั้น เศรษฐา บอกไม่ขอแสดงความคิดเห็น ย้ำว่าต้องให้เกียรติคณะเจรจาและพรรคร่วมฯ ด้วย เพราะกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่ลงตัว แต่เข้าใจว่าก็มีความคืบหน้าแล้ว และถ้าลงตัวแล้วรายชื่อก็คงจะตามมา ก่อนบอกว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน อดใจอีกนิดหนึ่งก่อน เป็นขั้นเป็นตอนไปดีกว่า แต่มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ จะเสนอบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำงานให้ประเทศเดินหน้าได้” เศรษฐา กล่าว

ถามต่อถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2566 จะมีการตั้งวอร์รูมติดตามความเคลื่อนไหวการอภิปรายในรัฐสภาหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่า วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ที่จะถึง คงมีการประชุมกัน แต่คาดว่าคงเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยตามปกติ 

สำหรับกรณีกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐายืนยันไม่ทราบกำหนดการมาก่อน ส่วนการเดินทางกลับของนายทักษิณมองเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย “เป็นความปรารถนาของท่านเอง ที่ท่านจะกลับมาเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถือเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่สื่อมวลชนให้คงความสนใจ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้ความนิยมสูงสุด จากบ้านเมืองไป 17 ปีแล้ว ส่วนการโหวตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของสภา คนละเรื่องกัน” เศรษฐา กล่าว

ถามถึงภายหลังที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจ ตอนนี้มีพรรคการเมืองอื่นติดต่อมาบ้างหรือไม่ เศรษฐา บอกว่ายัง คงเพราะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการด้วย อาจต้องรอเปิดตัวก่อน แต่เราก็พอรู้จักกัน คุยกันนอกรอบบ้างแล้ว 

“ตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย มั่นใจทีมงานพรรคเพื่อไทย มั่นใจในเจตนารมณ์ที่ดีของพรรคร่วมฯ และไม่ว่าจะได้กระทรวงไหน หรือส่งบุคคลใดเข้ามา เชื่อว่าทุกพรรคคงคำนึงถึงการช่วยเหลือบ้านเมืองเป็นหลัก” เศรษฐา กล่าว

ทั้งนี้ เศรษฐา ยังยืนยันว่านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่เคยหาเสียงไว้จะถูกผลักดันจนสำเร็จอย่างแน่นอน ถือเป็นนโยบายหลัก และมั่นใจว่าทุกพรรคการเมืองจะเห็นชอบ “แต่ผมค่อนข้างจะผิดหวังกับคุณชูวิทย์ ซึ่งท่านไม่เข้าใจเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วมาด้อยค่าเรื่องนี้ อย่าเอาผลประโยชน์ที่ประชาชน ผู้ผลิต ผู้จ้างงาน ผู้ได้รับการจ้างงาน มาเป็นประเด็นด้านการเมืองเลย ผมเชื่อว่าหลายล้านคนต้องการตรงนี้ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ จะพยามผลักดันนโยบายนี้โดยเร็วที่สุด” เศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าจะผลักดันทุกนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ใช่หรือไม่ เศรษฐา ย้ำว่าต้องให้เกียรติพรรคร่วมฯ ด้วย เอามาหล่อหลอมเป็นนโยบายรัฐบาลของประเทศไทย ทำงานร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าไป ยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ขจัดความจัดแย้งที่มีอยู่ในทุกอายุและความคิด เป็นภารกิจของผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต้องพร้อมทำ