วันที่ 22 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ราเมศ รัตนะเชวง รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวชี้แจง กรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปเจรจากับพรรคอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นข้อมูลที่บิดเบือนทั้งสิ้น ถือว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค และพรรคมีกฎเกณฑ์ ข้อบังคับชัดเจนว่าทุกอย่างต้องผ่านมติจากที่ประชุมของพรรค ข่าวที่ปรากฏมาว่า มีใครไปเจรจาประสานงานร่วมรัฐบาลนั้นเป็นเท็จ
ราเมศ ยังยืนยันว่า ไม่มีใครใช้อำนาจไปเจรจาร่วมรัฐบาลได้ ส่วนจะมีสมาชิกโหวตเห็นชอบนายกรัฐมนตรีให้ก้าวไกล หรือข่าวว่าไปร่วมกับคนนั้น คนนี้ เป็นความเห็นส่วนบุคคลทั้งสิ้น ตนพูดในนามพรรคที่มีข้อบังคับพรรคชัดเจน
ในส่วนของก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมพรรคต่างๆ เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ก้าวล่วง สถานะของพรรคประชาธิปัตย์ มีตัวเลข ส.ส.อยู่ที่ 24 เสียง ไม่มีสิทธิทักท้วง คัดค้านในเรื่องที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมคุยกัน และขอให้พรรคก้าวไกลโชคดีในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนจุดยืนเรื่องมาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ยังย้ำจุดยืนเดิมคือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข หรือยกเลิก ตามอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ หากดูจากร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฯ ที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอต่อสภาฯ นั้น มาตรา 4 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลยังไม่ละเลิกความพยายามในการยื่นแก้ไขมาตรา 112 ถึงแม้ว่าจะถูกตีกลับหลายครั้งเนื่องจากมีข้อบกพร่อง จนในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 28-29/2555 ว่ามาตรา 112 ไม่ได้มีเหตุจำเป็นต้องยกเลิก หรือแก้ไข เพราะไม่ได้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน
"ถ้าก้าวไกลจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เราไม่ก้าวล่วง แต่เราต้องต่อสู้กันในเรื่องต่างๆ ในระบบรัฐสภา ส.ส ของพรรคประชาธิปัตย์ 24 คน พร้อมทำหน้าที่"
ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่หลัง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ลาออก ในวันพุธ ที่ 24 พ.ค. นี้เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว พร้อมยืนยันไม่มีการล็อคตัวแคนดิเดตใดๆ ทั้งสิ้น
ราเมศ ยังระบุอีกว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง แต่ไม่ได้มีความหมายว่าต้องปิดพรรค นโยบายของพรรคอาจไม่หวือหวา แต่ความยั่งยืนที่เกิดขึ้นจะเป็นคำตอบให้ประชาชน ส่วนความพร้อมในการทำงานในสภา พรรคประชาธิปัตย์พร้อม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เพราะเป็นมาหมดแล้ว ขณะที่ความเป็นไปได้จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย กรณีจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ นายราเมศ ขอให้รอมติพรรค
นอกจากนี้ ราเมศ ยังกล่าวถึง กรณี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ปราศรัยพาดพิงด้อยค่าพรรคอื่นๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ย้อนกลับไปตอน วิโรจน์ สมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้วแพ้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทับถม ด้อยค่า เลย
“ในฐานะโฆษก ผมไม่พาดพิง เพราะถือว่านั่นคือมติของประชาชน ผมคิดว่า คุณพ่อคุณแม่ของคุณวิโรจน์ คงสั่งสอนมาดี แต่ด้วยตัวคุณวิโรจน์ที่มีสันดานดิบ ด้อยค่า เสียดสีพรรคการเมืองอื่น และไม่เรียกร้องให้ปรับนิสัย เพราะเป็นมาหลายครั้งแล้ว" ราเมศ กล่าว