ไม่พบผลการค้นหา
7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน รับฟังปัญหาและพบประชาชนประเด็น “สารพิษตกค้างในอาหารและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำข้อมูลใช้ในการอภิปรายต่อสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเสนอรัฐบาลแบนการใช้สารเคมีร้ายแรง

นายวิฑูรย์ เลื่อนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี เผยว่า งานวิจัยหนึ่งเคยระบุว่า สามารถพบสารพาราควอตได้ในเด็กแรกเกิดที่อุจจาระครั้งแรก จึงมองได้ว่า พาราควอตอยู่ในห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ ตั้งแต่พ่อแม่ที่กินอาหารเข้าไปแล้วส่งผลถึงมนุษย์ และสารเคมีร้ายแรงเหล่านี้ ทำให้ผู้บริโภคที่ได้รับสารเคมีเข้าไปมีผลข้างเคียงเป็นทั้งโรคมะเร็ง เป็นหมันและเป็นโรคเบาหวานได้ แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขกลับบอกว่า ไม่เป็นไร สามารถกินพืชผักเหล่านี้ได้ เพียงแค่ล้างก็ปลอดภัยแล้ว แต่พบว่า 56% ของสารเคมี เป็นประเภทดูดซึม ไม่สามารถล้างออกได้ โดยที่พบมากคือ สารคาร์เบนดาซิม ซึ่งหากจะล้างสารเคมีให้ออกทั้งหมด จะต้องใช้วิธีล้างน้ำไหลประมาณ 40 นาทีขึ้นไป 

ทั้งนี้ ไทยนำเข้าสารเคมีเป็นอันดับ 6 ของโลก มูลค่าการนำเข้าแต่ละปีประมาณ 197 ล้านกิโลกรัมถึง 200 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 28,000 ล้านบาท โดยพบว่า สารอันดับหนึ่งที่นำเข้าคือ ไกลโฟเซต 59.85 ล้านกิโลกรัม รองอันดับสองคือ สารพาราควอต 44.50 ล้านกิโลกรัม ซึ่งพบว่า ในไทยใช้สารเคมีถูกเคมีถูกกฎหมายกว่า 200 รายการ แต่ภาครัฐตรวจสอบความปลอดภัยของสารเคมีเพียงแค่ 11%เท่านั้น จากกการทดสอบปี 2562 มีผักผลไม้ที่มีสารตกค้างถึง 41% ถือว่าเกินค่ามาตรฐาน และพบสารเคมีผิดกฎหมาย 12 ชนิด โดยผักผลไม้ที่พบสารเคมีตกค้าง มีทั้งที่วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและตลาดสด แม้จะมีหน่วยงานรับรองมาตรฐานแต่ก็ยังพบว่ามีสารตกค้างอยู่ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น วันนี้จึงเสนอให้แบนการใช้สารเคมีร้ายแรง ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาของสารเคมีร้ายแรง โดยมีระบบเตือนภัยให้ประชาชนรับรู้ว่าอาหารนั้นนั้นไม่ปลอดภัย และสร้างทางเลือกให้กับประชาชน

นายวิฑูรย์ เปิดเผยอีกว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 149.26 ล้านไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำเกษตรทั่วไป ซึ่งมีพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยไม่ถึง 1% จึงอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักและฝากพรรคการเมืองผลักดันให้เกิดเกษตรปลอดภัยสำหรับประชาชน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้าน มีส่วนสำคัญที่จะทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการเป็นรัฐบาล ซึ่งทั้ง 7 พรรคมีนโยบายดูแลสุขภาพของประชาชนให้ปลอดภัยจากสารพิษ จึงอยากเป็นปากเสียงให้กับประชาชน เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครออกมาขับเคลื่อนในเรื่องนี้ โดยการแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องใช้เงิน บางครั้งรัฐบาลเห็นความสำคัญของบริษัทนำเข้าสารเคมีมากกว่าประชาชน ทั้ง 7 พรรคจึงต้องการดูแลสุขภาพประชาชน

ทั้งนี้ ในวันที่ 21 กรกฎาคม จะเชิญหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค เพื่อพบปะกับประชาชน และแสดงวิสัยทัศน์ โดยจะทำให้เห็นว่า ความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนต้องได้รับประโยชน์ ซึ่งสถานที่อาจจะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :