คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย, น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค, นายสนธยา หลาวหล้าง อดีตผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต เขต 2 และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. รับฟังความเห็นสภาเอสเอ็มอีจังหวัดภูเก็ต
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีเครื่องยนต์ตัวเดียว คือการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาสร้างรายได้ 30,000 ล้านบาทต่อเดือน 400,000 ล้านบาทต่อปี จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคนและคนไทย 4 ล้านคนต่อปี เฉลี่ยรายได้ต่อหัว 40,000 บาทต่อเดือน จังหวัดจึงเริ่มพัฒนาการท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทำถนน อุโมงค์ และสนามบิน จนทำให้อุตสาหกรรมอื่นด้อยไป ขณะเดียวกันการบริหารเพื่อตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม ทำให้คนท้องถิ่นเริ่มมีปัญหาเรื่องการอยู่อาศัยและขาดแคลนน้ำ
ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่นักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ ทำให้โรงแรมกว่า 2,000 แห่งเดือดร้อน ขณะเดียวกันจังหวัดมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ลดลงเหลือร้อยละ 50 ให้กลับมาท่องเที่ยวหลังโควิด แต่รัฐจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดการท่องเที่ยวให้ภูเก็ต เพื่อแข่งขันกับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ เช่น บาหลี ด้วยการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน และเสนอให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะจะบริหารทุกจังหวัดเหมือนกันไม่ได้ และจังหวัดหาเงินได้เพียงพอที่จะบริหารจัดการตัวเอง
ทั้งนี้การดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงโควิด คือทำให้ภูเก็ตเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ เพราะมีโรงแรมจำนวนมาก แต่มีเส้นทางการเดินทางน้อย จึงสามารถควบคุมการเดินทางได้แทบทั้งหมด โรงพยาบาลนานาชาติก็มีครบ และถ้ามีการกักตัวคนที่มาก็จะเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพราะในต่างประเทศ ผู้ป่วยต้องอาการหนักถึงจะได้เข้าโรงพยาบาล ต่างจากไทยที่มีการดูแลที่ดีกว่า คนก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะมาไทย และก็จะมีการท่องเที่ยวต่อหลังกักตัว
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้มีนักท่องเที่ยวน้อยลง แต่มีคุณภาพมากขึ้นและอยู่ยาวมากขึ้นก็จะชดเชยรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวเดิมได้ ด้วยการพัฒนาเครื่องยนตร์อีก 7 ตัวคือ ความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหาร, การศึกษา, ศูนย์กลางการแพทย์ฝั่งอันดามัน, ศูนย์กลางการเดินเรือ, ส่งเสริมการแข่งขันกีฬาทางทะเล, Smart City, และสร้างตลาดปลาเพื่อจำหน่ายสินค้าและอาหารทะเลคุณภาพแบบประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ นายธนูศักดิ์ มีข้อเสนอเพิ่มเติมคือ ต้องการให้รัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบ ผ่านการเปิดให้ธุรกิจในภูเก็ตเข้าถึงสินเชื่อ แล้วอีก 2 ปีค่อยวางแผนการใช้คืนเงิน และเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน เพราะที่ผ่านมามีนโยบาย แต่ไม่ปล่อยเงินจากธนาคารผู้ประกอบการจำนวนมากกู้ไม่ผ่าน
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เสนอนโยบายภูเก็ตโมเดลที่กำลังจัดทำอยู่ในชั้นกรรมาธิการการท่องเที่ยว เพื่อให้สภา SMEs ช่วยกันเสนอความเห็น โดยมีใจความว่าประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจมาก เพื่อแลกกับการได้แชมป์ควบคุมโรคโควิด-19 จึงต้องเอามาเป็นต้นทุนในการฟื้นฟูเมืองต่อ
อันดับแรกรัฐบาลต้องสร้างและประกาศความมั่นใจว่าเป็นประเทศปลอดภัย ยุติ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ให้พร้อม จัดหา PCR Test ตามด้วยนโยบายกระตุ้น 4 ระยะ โดยแต่ระยะจะมีการเตรียมตัวเองและโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อม ได้แก่
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าตนทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์จะเห็นว่าตอนนี้ยอดซื้อคอนโดตก แต่ยอดซื้อบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น เพราะคนต้องการพื้นที่ทำงานที่บ้าน ดังนั้นการทำภูเก็ตเป็นหลุดหลบภัยจึงเป็นแนวทางที่น่าจะสร้างประโยชน์ได้ยาว และถ้าการทดลองตรงนี้ผ่านจึงจะเริ่มเปิดทั้งประเทศได้
ทั้งนี้น.ส.เชิญพร กาญจนสาย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าคนภูเก็ตพร้อม หากรัฐบาลให้เครื่องไม้เครื่องมือและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทั้งประเทศ
อ่านเพิ่มเติม