รายงานของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าในช่วง 2- 3 ปีที่ผ่านมานี้ จีนพัฒนาศักยภาพทางการทหารอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายของจีนที่บังคับให้ประเทศคู่ค้าอาวุธต้องเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคในการขายอาวุธให้แก่จีน
การกระทำดังกล่าวของจีนนั้นส่งผลให้จีนสามารถเข้าถึงการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบัน ถือได้ว่าจีนใกล้จะบรรลุการผู้นำทางด้านเทคโนโลยีทางการทหาร และอาวุธของจีนบางชนิดยังมีประสิทธิภาพที่ทันสมัยที่สุดในโลกขณะนี้ด้วยเช่นกัน
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุว่า ปัจจุบันกองทัพเรือของจีนมีจรวดขีปนาวุธใต้น้ำขนาดกลางและมีระยะพิสัยกลาง รวมไปถึงการพัฒนาอาวุธที่เร็วเหนือเสียงและสามารถยิงได้หลายครั้งด้วยความเร็วเสียง พร้อมทั้งระบบป้องกันอาวุธที่ทรงพลังที่สุดระบบหนึ่งของโลก
"อาวุธบางชนิด จะทำให้จีนกลายเป็นผู้นำทางการทหารเหนือชาติอื่นๆ ในโลก"
นอกจากกองทัพเรือแล้ว จีนยังพัฒนาศักยภาพการป้องกันทางอากาศ ความมั่นคงทางอวกาศ และความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย ซึ่งจะทำให้จีนสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ทางการทหารในภูมิภาคได้ โดยเฉพาะในกรณีไต้หวันและทะเลจีนใต้
ทางด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า กองทัพจีนสร้างความกังวลให้กับทางสหรัฐฯ อย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีทางการทหารที่ล้ำหน้า อาจทำให้จีนตัดสินใจใช้กำลังทางการทหารในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่นายพลหลี่ โจวเฉิง กล่าวกับทางสหรัฐฯว่า กองทัพจีนพร้อมสู้รบหากชาติใดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน กองทัพจีนจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพ รักษาเขตแดนของชาติ และรักษาดินแดนบูรณาการของจีน
ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวยังระบุว่าในปี 2018 จีนทุ่มงบประมาณให้กับกองทัพสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2002
ที่มา CNN / The Guardian