ไม่พบผลการค้นหา
'ปิยบุตร - เยาวลักษณ์' นำคณะก้าวหน้าทัวร์ภาคเหนือประเดิม จ.ลำปาง รณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่น ยึดนโยบายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ อัดรัฐประหารหยุดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จวกตำรวจเฝ้าติดตามคณะก้าวหน้า อ้างรักษาความปลอดภัย ถามกลับถ้าไปไล่ตาม 'ประวิตร' บ้างได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2563 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมพูดคุยสถานการณ์การเมืองท้องถิ่น ที่ศาลาวัดป่ารวก จ.ลำปาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย ลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ และเชียงราย ระหว่างวันที่ 7-13 ก.ค. เพื่อเดินหน้ารณรงค์ความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น โดยนายปิยบุตร และน.ส.เยาวลักษณ์ได้ทำกิจกรรมแจกหน้ากากอนามัยที่ตลาดบ้านสามัคคี 

ทั้งนี้ น.ส.เยาวลักษณ์ เปิดเผยว่า แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไปแต่กรรมการบริหารของพรรคอนาคตใหม่ ยังคงดำเนินงานสานต่ออุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ต่อไปในนามคณะก้าวหน้า มีภารกิจสำคัญ 3 เรื่องคือการปักธงทางความคิด การเลือกตั้งท้องถิ่น และขยายเครือข่ายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ 

“ในส่วนของการเลือกตั้งท้องถื่นที่คณะก้าวหน้าตั้งใจจะเดินหน้า เราจะทำโดยยึดหลักสองข้อ คือไม่ซื้อสิทธิ ซื้อเสียง และจะไม่ใช้อิทธิพลกลุ่มการเมืองเดิมในการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่น นโยบายหลักๆ ที่สำคัญของท้องถิ่นที่คณะก้าวหน้าได้เคยวางแนวนโยบายไว้ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ การขนส่งสาธารณะ การจัดการขยะ สิ่งแวดล้อม การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน นำเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ออกมาสร้างงานสร้างรายได้ เหล่านี้คือสิ่งที่เราจะนำมาศึกษาต่อและปรับให้สอดคล้องกับแต่ละท้องที่ เพื่อผลิตนโยบายร่วมกันใช้รณรงค์ในการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ” น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าว

เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ คณะก้าวหน้า 730638.jpgปิยบุตร _40730635.jpg

ด้านนายปิยบุตร แนวนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ในภาษาไทยเราคุ้นเคยกับคำว่า กระจายอำนาจ แปลว่าอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางแล้วต้องกระจายกลับมาให้เรา หากเรามองมิติใหม่ว่าแท้จริงแล้วอำนาจ ทรัพยากร คน มีอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่วิธีการบริหารในบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ไช้วิธีการรวมอำนาจทั้งหมดกลับไปที่ส่วนกลาง จนวันนี้ก็ยังไม่กลับมา เราจึงต้องทวงอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกใช้คำว่า ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ แทนคำว่า กระจายอำนาจ เพราะอำนาจมีอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว สิ่งที่ต้องยุติคือการเอาอำนาจไปรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง

นายปิยบุตร ระบุว่า การเมืองระดับชาติส่งผลมาถึงชีวิตของคนในท้องถิ่นหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 การปกครองโดยเผด็จการทหาร ขึ้นชื่อว่าเผด็จการก็ไม่อยากแบ่งอำนาจให้ใคร อยากรวมอำนาจไว้ที่ตนเอง ดังนั้นรัฐบาลเผด็จการทหารก็ทำให้การกระจายอำนาจที่เคยพูดเคยฝันกันต้องสะดุดหยุดลงทันที เลวร้ายมากขึ้นไปอีกเมื่อเจอรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 คราวนี้ไม่ได้ทำให้การกระจายอำนาจเพียงหยุดลง แต่ถอยหลังเข้าคลอง

“จนตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกตั้งท้องถื่นเมื่อไหร่ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ แต่ผมเชื่อว่าหมดข้ออ้างที่จะอ้างอีกต่อไปแล้วว่าทำไมถึงมีการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ ดังนั้นช้าเร็วต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นแน่นอน ขอให้ทุกท่านติดตามการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าต่อไป เราจะทวงคืนอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น วิธีคิดของรัฐบาล คสช. มองท้องถิ่นเป็นมือไม้กลไกของพวกเขา ในขณะที่พวกเราคณะก้าวหน้าเรามองท้องถิ่นว่าเป็นเรี่องของคนในพื้นที่ที่จะต้องตัดสินใจเลือกผู้บริหารมาใช้งบประมาณจัดทำบริการสาธารณะเพื่อคนลำปาง และตอบสนองความต้องการของท้องที่ให้ได้มากที่สุด” นายปิยบุตร กล่าว 

เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลติดตามการเดินทาง เฝ้ารอถ่ายภาพที่เวทีกิจกรรม และนำกล้องวงจรปิดมาติดบริเวณรอบๆ ว่า “ถ้าผมและทีมงานเที่ยวติดตามสอดส่องผู้กำกับ สารวัตร นายพล หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่าวันหนึ่งไปทำอะไรพวกท่านจะรู้สึกอย่างไร แต่ทำไมเจ้าหน้าที่จึงติตดามผมทุกครั้งเวลาไปต่างจังหวัด ถึงวันนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่าใช้อำนาจตามกฎหมายใด นี่ไม่ใช่เรื่องรักษาความปลอดภัยตามที่อ้างกัน เพราะมาถึงก็ตั้งกล้องถ่ายวิดีโอ ถ่ายภาพทะเบียนรถของผู้มาร่วมงาน เหมือนเล่นสงครามจิตวิทยา เมื่อผมออกจากพื้นที่ก็ไล่โทรสอบถามว่าใครเป็นคนจัดงาน ถามว่าเจ้าอาวาสอนุญาตให้จัดงานไหม นักศึกษามาจากไหน กรณีนี้จะมาอ้างว่า ถ้าไม่ได้ทำผิด จะกลัวทำไมไม่ได้"

"ต้องถามกลับไปที่เจ้าหน้าที่ต่างหากว่า ผมมีเสรีภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานราชการฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องมาตามทุกฝีก้าว แทนที่จะถามว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด จะกลัวทำไม ต้องถามกลับต่างหากว่าเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาผิดปกติหรือเปล่าที่สั่งให้ตามผม ทุกวันนี้เป็นแบบนี้แล้ว หลายเรื่องที่ผิดปกติในประเทศไทย ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติไป" นายปิยบุตร ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง