พลันที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสนามหลวง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ลต. (ส.ส.) 585/2562 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ยื่นขอให้วินิจฉัยกรณี กกต.แจกใบเหลือง นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5 จ.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้คัดค้าน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 โดยกล่าวหาให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวนเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายกรุงศรีวิไล เหตุคนใกล้ชิดไปมอบพวงหรีดและเงินใส่ซองช่วยงานศพ 1,000 บาท ต่อประชาชนในพื้นที่
โดยศาลได้วินิจฉัยว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 5 จ.สมุทรปราการ มีกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 18 (4) ซึ่งทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม แม้ทางการไต่สวนไม่ได้ความชัดว่าเป็นการกระทำของผู้คัดค้านตามคำร้องของผู้ร้อง ศาลก็ต้องสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. จ.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 ใหม่ ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 133 พิพากษาให้มีการเลือกตั้งส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 ใหม่ แทนนายกรุงศรีวิไล
ทำให้การเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างลง เกิดขึ้นทันทีภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่ง ส.ส.ได้ว่างลง
ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 ประกอบด้วย อ.บางบ่อ อ.บางเสาธง และอ.บางพลี (เฉพาะ ต.หนองปรือและ ต.ราชาเทวะ)
หากย้อนไปเมื่อครั้งเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 เป็นการสู้กับของ 3 พรรคการเมือง คือพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่
ซึ่งผลปรากฎว่า นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงมากที่สุด 41,745 คะแนน ได้เป็น ส.ส
ส่วนผู้แพ้อันดับ 2 คือ นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พรรคเพื่อไทย 33,007 คะแนน
อันดับ 3 นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ พรรคอนาคตใหม่ 31,430 คะแนน
(สลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พรรคเพื่อไทย)
( ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ ปัจจุบันสังกัดพรรคก้าวไกล)
ทันทีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ใบเหลืองนายกรุงศรีวิไล หรือชื่อเดิม นายนที สุทินเผือก อดีตนักแสดงชื่อดัง
พรรคพลังประชารัฐ ก็ประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่าจะส่ง 'กรุงศรีวิไล' ลงล้างตาในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ทันที โดยมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจให้กลับคืนสู่สภาอีกครั้ง
พลิกประวัติทางการเมืองของ 'กรุงศรีวิไล' เคยเป็น ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2550 เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรคก็ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย
แต่แล้ว วันที่ 31 ส.ค. 2553 'กรุงศรีวิไล' ควง 'จิรพันธ์ ลิ้มสกุลศิริรัตน์' ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เดินออกจากพรรคเพื่อไทย ไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย
การย้ายขั้วมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ทำให้ 'กรุงศรีวิไล' ถูกเพื่อน ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ประณามว่าเป็นงูเห่า
(กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ลงพื้นที่ร่วมกับ ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ)
ทว่าเขาเลือกให้เหตุผลว่า การทำหน้าที่ตลอด 2 ปี 6 เดือนกับพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนประชาชนได้ไม่เต็มที่
การย้ายข้างมาอยู่กับพรรคสีน้ำเงิน ที่มี 'เนวิน ชิดชอบ' และ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' อยู่หลังฉากขณะนั้น ทำให้มีกระแสข่าวลือว่าเป็นการใช้พลังดูดเพื่อให้ย้ายขั้วเกิดขึ้น
ครั้งหนึ่ง 'กรุงศรีวิไล' ยังให้สัมภาษณ์พิเศษกับ 'โพสต์ทูเดย์' เมื่อปี 2553 ถึงเหตุผลที่ทิ้งพรรคเพื่อไทยที่ให้กำเนิดทางการเมืองมาสวมเสื้อสีน้ำเงินในนามพรรคภูมิใจไทยเต็มตัวว่า "พี่ก็บอกจะทำงานสืบเนื่องเจตนารมณ์ของพระองค์ ปกป้องสถาบันสุดชีวิต แล้วจะให้พี่ทำอย่างไร เมื่ออีกฝ่ายถูกโจมตีว่า ไม่รักสถาบัน ซึ่งจริงหรือเท็จเราไม่รู้"
"เสื้อแดงไม่เคยใส่ ใส่แต่เสื้อพรรค ตอนนั้นที่ขึ้นเวทีเสื้อแดงก็ขึ้นไปร้องเพลงเพราะเห็นเวทีมันเครียด" กรุงศรีวิไล บอกผ่าน 'โพสต์ทูเดย์' ถึงเมื่อครั้งที่ตัวเองเคยร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐประหารเมื่อปี 2550 ที่ท้องสนามหลวง
ปี 2561 'กรุงศรีวิไล' ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 2562 เขาได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคภูมิใจไทยกับ กกต. โดยปาดน้ำตาให้เหตุผลว่าละอายใจที่ไม่สามารถช่วยงานพรรคได้ ซึ่งการลาออกครั้งนี้เป็นการจากกันด้วยดี
"ที่ผ่านมาน้อยใจ ซึ่งได้ยินว่าพรรคคาดหวังกับ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเพียง 1 ที่นั่ง ทั้งที่ทั้งจังหวัดมี ส.ส.ได้ถึง 7 คน ประเด็นนี้จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากพรรค"
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 พรรคพลังประชารัฐ สามารถกวาด ส.ส.ได้ถึง 6 ที่นั่งจาก 7 เขตเลือกตั้ง และถูกนายวุฒินันท์ บุญชู จากพรรคอนาคตใหม่ คว้าเก้าอี้ ส.ส.ไปได้ในเขตเลือกตั้งที่ 4
แทบทุกสนามเลือกตั้งในพื้นที่ สมุทรปราการ ในทุกเขตจะเป็นการต่อสู้กันอย่างหนักระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของตระกูลอัศวเหม กับพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่สมุทรปราการเดิมทีเป็นฐานเสียงที่เหนียวแน่นของพรรคเพื่อไทย
แต่ครั้งนั้นต้องถูกตัดคะแนนจากฐานเสียงเดียวกันจากพรรคอนาคตใหม่ ทำให้พรรคพลังประชารัฐคว้า ส.ส.เกือบหมดยกจังหวัด ขณะที่พรรคเพื่อไทยแชมป์เก่าสอบตกสูญพันธุ์ยกจังหวัด ช็อกเซียนการเมือง
ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยระบุกันในวงในจะไม่ยอมหลีกทางให้พรรคก้าวไกล ยืนยันในเบื้องต้นจะส่ง 'สลิลทิพย์ สุขวัฒน์' อดีต ส.ส.ลงล้างตา เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เคยยึดครองฐานเสียงในพื้นที่นี้มายาวนาน
เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ประกาศผ่านจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคทันทีว่า จะเป็นครั้งแรกของพรรคก้าวไกลที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ตามข้อกำหนดของกฎหมาย หลังจากที่ 54 ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบโดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญได้ย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกล เพื่อสานต่อภารกิจอนาคตใหม่
แน่นอนว่า พรรคก้าวไกล จะส่งอดีตผู้สมัครคนเดิมคือ 'ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ' ที่ลงพื้นที่อย่างหนักก่อนหน้านี้ มาสู้ศึกเลือกตั้ง 3 เส้าครั้งนี้
หากศึก 3 เส้า ฝ่ายค้านไม่หลีกทางกันเหมือนครั้งที่ผ่านมา การตัดคะแนนกันย่อมเกิดขึ้นซ้ำรอยศึกเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค. 2562
คำประกาศของ 'กรุงศรีวิไล' ที่เขามั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมยกมือไหว้ท่วมหัวขอบคุณศาลที่เมตตาไม่ตัดสิทธิทางการเมือง จึงเป็นการส่งสัญญาณถึงคู่แข่งทางการเมืองหากจะโค่นอดีตนักแสดงผู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ แม้จะเป็นครั้งที่ 6 ก็ตาม
แต่ฝ่ายค้านกลับพ่ายแพ้ให้มาตลอดใน 4 ครั้งหลังสุด ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งที่ 6 ยังถือเป็นครั้งแรกที่พรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย
ทำให้งานนี้พรรคพลังประชารัฐจึงไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ ให้เสียหน้าหัวหน้าตัวจริงเสียงจริงคนใหม่แน่!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง