เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวชี้มูลความผิด นิพนธ์ บุญญามณี สมัยดำรงตำแหน่ง นายกฯ อบจ.สงขลา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63 นั้น ส่งผลถึงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย เพราะคุณสมบัติรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ม. 160(4) จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูล จึงเข้าข่ายตามมาตรานี้ แต่กรณีดังกล่าว นิพนธ์ ไม่ได้พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งแตกต่างจากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเรื่องนาฬิกาหรู
เรืองไกร เปรียบเทียบกับกรณีอื่นก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยใช้ ม.44 ปรับย้ายข้าราชการมามากมาย ทั้งที่ยังไม่โดนชี้มูลความผิด ดังนั้น กรณีของ นิพนธ์ จึงแปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเฉย หรืออาจเข้าข่ายปล่อยปละละเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เห็นการดำเนินการใดๆ
เรืองไกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ พึ่งให้สัมภาษณ์ว่า มีอะไรก็ให้บอกมา ด้วยเหตุนี้ จึงต้องไปยื่นหนังสือย้ำเตือนว่า เคยปฏิบัติมาอย่างไร แล้วทำไมกรณี นิพนธ์ จึงไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นกระซิบให้ลาออก หรือปรับออกจาก ครม.ดังนั้น ในวันที่ 12 ต.ค.63 เวลา 10.30 น. จะไปยื่นหนังสือขอให้นายกฯ ดำเนินการให้นายนิพนธ์ลาออกหรือปรับนายนิพนธ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่หากไม่กล้าดำเนินการใดๆ จะถือว่านายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำแล้ว ก็จะขอเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภาแทน