ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย เผยปมเสียบบัตรแทนกันไม่ใช่คดีอาญาเป็นหน้าที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบเอาผิดต่อไป ส่วนโหวตใหม่ วาระ 2 ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่มาตรา 1 ยันงบฯ ปี 63 ล่าช้าไม่กระทบเบิกจ่ายงบฯ ประจำ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ใหม่ ในวาระ 2 และ 3 ใหม่ ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาใหม่ ในวันที่ 13 - 14 ก.พ.นี้ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการแก้ไขดำเนินการตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 

ส่วนปัญหาเรื่องของความไม่สุจริตในการกดบัตรแทนกันนั้น นายวิษณุกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ และดำเนินคดีกันต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องคดีอาญา แต่เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบ หากเห็นว่ามีมูลก็จะตรวจสอบ  ซึ่งในการพิจารณาวาระ 2 ใหม่นั้น จะเริ่มตั้งแต่มาตรา 1 ต้นไป จนถึงมาตราสุดท้าย และ ใครขอสงวนญัตติในมาตราใด ก็อภิปรายกันไป จนลงมติในวาระ 3 และส่งให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งขั้นตอนจะไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่นาน เมื่อพิจารณาเสร็จก็จะส่งให้รัฐบาลเก็บไว้ 5 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้า ภายในเดือน ก.พ.นี้ 

ส่วนจะมีการอภิปรายใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาฯจะอภิปรายหรือไม่ แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกำหนดเวลาที่ต้องทำโดยเร็ว ซึ่งตนไม่สามารถชี้นำได้ว่าจะต้องทำอย่างไร โดยในส่วนของรัฐบาลไม่มีอะไรจะต้องทำ แค่รายงานที่ประชุม ครม .วันที่ 11 ก.พ.นี้ ให้รับทราบคำวินิจจัยเท่านั้น ซึ่งวันนี้ได้รายงานผลคำวินิจัยให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว 

นายวิษณุ ยืนยัน การลงมติใหมร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่กระทบกับการเบิกจ่ายงบประมาณประจำ เพราะเดิมกำหนดไว้สิ้นเดือน ม.ค. ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาล่าช้าไป 1 เดือน รัฐบาลได้ขอขยายเพดาน กรอบการใช้จ่ายงบประมาณไปพลางก่อน จากเดิม 50 เปอร์เซ็นต์ เป็น 75 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่ายังไม่มีหน่วยงานใดเบิกและ ทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบร่าง พ.ร.บ. ประมาณรายจ่ายปี 2563

ข่าวที่เกี่ยวข้อง