วันที่ 25 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีมติรัฐสภาเรื่องข้อบังคับที่ 41 ที่ไม่ให้เสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลอีก เพราะเป็นการเสนอญัตติซ้ำ และสั่งให้ไม่ให้โหวตนายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแล้วเสร็จ
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องด่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเร่งส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยการลงมติของรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. มีความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินต้องการให้รัฐสภาชะลอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเอาไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าหากมีการพิจารณาจะเกิดความเสียหาย ในเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาพิจารณาเพื่อเสนอต่อประธานสภาฯ โดยคาดว่าวันนี้เวลา 14.00 น. คณะทำงานจะสามารถเสนอรายงานขึ้นมาได้
เมื่อถามว่า อำนาจของประธานรัฐสภาสามารถเลื่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อนได้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ประธานรัฐสภามีอำนาจในการสั่งงด หรือ เลื่อนการประชุมออกไปได้ ซึ่งหากจำเป็นต้องเลื่อนออกไป จะต้องดูข้อบังคับการประชุมว่ามีเหตุผลอย่างไร ขณะนี้ยังมีเวลาก่อนที่จะถึงวันที่ 27 ก.ค. และในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อรับฟังข้อมูลต่างๆ ถึงแนวทางในการโหวตนายกว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับความเห็นของ จรัล ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวนั้น วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า รับฟัง แต่ต้องเคารพต่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร รวมทั้งรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไปแล้วจะพิจารณาหรือไม่นั้น หากศาลรับเรื่องแล้วและไม่มีการพิจารณา รัฐสภาก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่หากศาลรับพิจารณา รัฐสภาก็ต้องพิจารณาว่า ข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากรับเรื่องอาจส่งผลให้รัฐสภาต้องชะลอ หรือ หยุดการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อนหรือไม่ โดยต้องขอเวลาหารือในวันนี้ (25 ก.ค.) ก่อน จึงจะสามารถประเมินสถานการณ์ทั้งหมดได้