ไม่พบผลการค้นหา
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ออก 7 มาตรการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมประสานเครือข่ายตรวจสอบความเสียหายเร่งรัดดูแลช่วยเหลือด้านประกันภัยแบบครบวงจร

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุโพดุลและพายุคาจิกิ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ ส่งผลกระทบต่อพืชสวน ไร่ นาข้าว และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จึงออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

มาตรการที่ 1 มีหนังสือถึงสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อขอความร่วมมือแจ้งให้บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันชีวิตติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนเร่งรัดดำเนินการพิจารณาสินไหมทดแทน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเยียวยาความเสียหายอย่างทันท่วงที 

มาตรการที่ 2 สั่งการให้สำนักงาน คปภ.ภาค/จังหวัดทั่วประเทศ บูรณาการกับสำนักงานจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อตรวจสอบความเสียหาย เร่งดูแลให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยแก่ผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังออกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อเร่งบูรณาการเยียวยาผู้ประสบภัยในพื้นที่ประสบอุทกภัยจากพายุโพดุลและพายุคาจิกิตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย 

มาตรการที่ 3 ออกคำสั่งขยายระยะเวลาการผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับผู้เอาประกันภัย ในกรณีครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยระหว่างวันที่ 29 ส.ค. - 31 ต.ค. 2562 โดยขยายระยะเวลาผ่อนผันออกไปอีก 60 วันนับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม  

มาตรการที่ 4 ออกคำสั่งยกเว้นดอกเบี้ยและงดการตรวจสุขภาพกรณีกรมธรรม์ประกันชีวิตสิ้นผลบังคับระหว่างวันที่ 29 ส.ค. - 31 ต.ค. 2562 หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุหรือกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันชีวิต ภายใน 6 เดือน  

มาตรการที่ 5 ออกคำสั่งให้ในกรณีนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. - 31 ต.ค. 2562 อาจได้รับยกเว้นดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน 

มาตรการที่ 6 ออกคำสั่งให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยในทุกกรณี สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มที่อยู่อาศัยได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยสำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินเอาไว้ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 

  1. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ให้พิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใต้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติจากภัยลมพายุ และภัยน้ำท่วม เป็นจำนวน 20,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่คงเหลืออยู่ เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนเงินดังกล่าว
  2. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ให้พิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใต้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติจากภัยลมพายุ และภัยน้ำท่วม เป็นจำนวน 10,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่คงเหลืออยู่ เว้นแต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนเงินดังกล่าว 
  3. สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองเดียวกันกับข้อ 1 และข้อ 2 ให้พิจารณาหลักเกณฑ์เทียบเคียงกัน หากภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยตามข้อ 1, 2 และ 3 มีการแนบเอกสารแนบท้ายขยายความคุ้มครองสำหรับภัยลมพายุและภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมจากความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยมาตรฐาน ให้พิจารณาความเสียหายส่วนเกินกว่าความคุ้มครองมาตรฐานโดยพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินวงเงินความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย  

มาตรการที่ 7 ออกคำสั่งอนุญาตให้ตัวแทนประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัย ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยที่ใบอนุญาตตัวแทน นายหน้าประกันภัยสิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2562 สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาพร้อมขอต่ออายุใบอนุญาตได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เหตุการณ์ที่จำเป็นสืบเนื่องจากเหตุอุทกภัยดังกล่าวนั้นได้สิ้นสุดลง ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ 31 ต.ค. 2562