ไม่พบผลการค้นหา
การเมืองมาเลเซียเผชิญความไม่แน่นอนอีกครั้ง เมื่อ ‘อันวาร์ อิบราฮิม’ แกนนำฝ่ายค้านออกมาประกาศว่าสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ในสภาได้มากเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยรอเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีเพื่อขอรับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ

‘อันวาร์ อิบราฮิม’ หัวหน้าพรรคยุติธรรมประชาชน (พีเคอาร์) กล่าวในการแถลงข่าววันที่ 23 ก.ย. 2563 ว่าเสียงสนับสนุนเขาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหมายความว่า ‘มูห์ยิดดิน ยัสซิน’ ล้มเหลวในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าเขามีเสียงส่วนใหญ่ที่เข้มแข็ง ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่ 4,5 หรือ 6 เสียง แต่หมายถึงจำนวนที่มากกว่านั้นเยอะ แม้อันวาร์จะไม่ยอมเผยตัวเลข ส.ส. ที่ให้การสนับสนุนที่ชัดเจนจนกว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดี แต่ก็บอกว่ามี ส.ส.ให้การสนับสนุนเกือบ 2 ใน 3 จากจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งหมด 222 คน ซึ่งการครองเสียงข้างมากในสภาจำเป็นต้องได้เสียงจากผู้แทนอย่างน้อย 112 คน โดยอันวาร์ระบุว่า มาเลเซียจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเข้มแข็งเพื่อบริหารและปกป้องประเทศ นอกจากนี้ยังบอกว่าเขาอยากจะพิจารณาเสนอ “บทบาทที่เหมาะสม” ให้กับมูห์ยิดดินหากให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านอำนาจ 

อันวาร์ยังเผยว่าเดิมเขามีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากสมเด็จพระราชาธิบดีทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่อันวาร์ก็ยังเผยว่าตัวเองได้กราบบังคมทูลกับพระองค์แล้วทางโทรศัพท์เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 ก.ย. สำนักพระราชวังมาเลเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาห์ ชาห์ ทรงเข้ารับการรักษาพระอาการประชวรที่สถาบันโรคหัวใจแห่งชาติ  

ความเคลื่อนไหวของอันวาร์มีขึ้นไม่ถึง 7 เดือน หลังมูยิดดิน ยัสซิน รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มาเลเซียเผชิญความปั่นป่วนทางการเมืองจากการประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างกระทันหันของ ‘มหาเธร์ โมฮัมหมัด’ โดยทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังไม่ให้ความเห็นต่อความเคลื่อนไหว แต่รายงานระบุว่าหากนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดินเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีได้ก่อน เขาก็อาจทูลขอให้ประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด 

มูห์ยิดดินขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาหลังรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จด้วยการสนับสนุนจากพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (อัมโน) ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งไปเมื่อปี 2561 ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าเขารวบอำนาจด้วยการเปลี่ยนขั้วพันธมิตรแทนที่จะผ่านการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มูห์ยิดดินมีเสียงข้างมากปริ่มน้ำและมีการคาดการณ์ว่าเขาน่าจะต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้อาณัติที่แข็งแกร่งขึ้น 

ขณะที่เส้นทางการเมืองของอันวาร์ อิบราฮิม วัย 73 ปี ถือว่าเต็มไปด้วยความวุ่นวายพลิกผันในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มจากการเป็นนักการเมืองดาวรุ่งของมาเลเซีย เคยขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างรองนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2536-2541 และยังถูกมองเป็นทายาททางการเมืองคนสำคัญของมหาเธร์ ก่อนจะถูกจำคุกจากข้อหารักเพศเดียวกันและทุจริตหลังขัดแย้งบาดหมางกับรัฐบาลมหาเธร์ โดยถูกจำคุกนานเกือบ 10 ปี ในข้อหาที่ทั้งเขาและผู้สนับสนุนชี้ว่าเป็นแผนทำลายเส้นทางการเมืองของเขา แต่อันวาร์ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2561 ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับมหาเธร์ที่กลับมาจับมือกันอีกครั้งและตกลงให้เขาสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อหลังแนวร่วมพันธมิตรแห่งความหวัง (พีเอช) ที่มีพรรคพีเคอาร์ของอันวาร์และพรรคเบอร์ซาตูที่มหาเธร์ร่วมก่อตั้งเป็นหนึ่งในแนวร่วม สามารถเอาชนะแนวร่วมบาริซาน นาซิอองนาล (บีเอ็น) ที่มีพรรคอัมโนเป็นแกนนำได้สำเร็จในการเลือกตั้งเมื่อปีเดียวกันนั้นและมหาเธร์ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงให้อันวาร์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อนั้นกลับกลายเป็นความตึงเครียดสำคัญภายในแนวร่วมพีเอช เนื่องจากมหาเธร์ไม่ยอมให้กรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะลงจากเก้าอี้ให้อันวาร์รับตำแหน่งต่อเมื่อไร ขณะที่มหาเธร์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกระทันหันเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาและถูกขับออกจากพรรคเบอร์ซาตูที่ตัวเองร่วมก่อตั้งมา 

อ้างอิง Reuters / Malaysiakini / CNA