นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนยันว่าตนเองและพรรคเล็กรวม อย่างน้อย 5 พรรคประกอบด้วย พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาธรรมไทย และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน มีการพูดคุยกันแล้วว่าจะทำงานบทบาทฝ่ายค้านอิสระ เนื่องจาก พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไม่ทำตามที่ตกลงไว้ เหมือนที่ตอนชักชวนเข้าร่วมรัฐบาล เพราะไม่ให้ความสำคัญกับพรรคเล็กทั้ง 10 พรรคเท่าที่เคยมีการคุยกัน อาทิ การให้เวลาอภิปรายนโยบายรัฐบาลเพียงคนละ 2 นาที และการจะอภิปรายเรื่องใดยังต้องผ่านการกลั่นกรองจากวิปรัฐบาล รวมถึงไม่เคยให้ความสำคัญกับพรรคเล็กเท่าที่ควรจะเป็น
นายมงคลกิตติ์ ยืนยันว่า ไม่ใช่การต่อรองตำแหน่ง แต่เป็นเพราะที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐไม่เคยให้เกียรติในการทำงาน ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดเวลาที่จะเสนอกระทู้ ก็จะต้องถูกตรวจสอบโดยรัฐบาลก่อน ทั้งที่เป็นกระทู้ที่ช่วยเหลือประชาชน รอยร้าวที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนแก้วที่มีรอยร้าวแล้วไม่สามารถต่อให้ติดได้ ซึ่งจากนี้ก็พร้อมจะลงมติสวนรัฐบาลทั้งการอธิบายงบประมาณและอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
สำหรับกรณีการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนของคณะรัฐมนตรีนั้น นายมงคลกิตติ์บอกว่า เป็นเรื่องที่กระทำผิดอย่างร้ายแรง และนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกเพียงอย่างเดียว หากเป็นตนเองกระทำผิดแบบนี้ ก็จะลาออกทันที โดยไม่หน้าด้านอยู่ในตำแหน่ง และก็เตรียมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นการถวายสัตย์ฯนี้ด้วย
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กนำโดยหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมแยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดไปวันๆ ซึ่งตนเองกับพี่น้องพรรคเล็กไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องเข้าใจธรรมชาตินักการเมือง ถ้าไม่เข้าใจธรรมชาติกัน ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ซึ่งตนเองกับนายมงคลกิตติ์ก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ไม่ต้องมาคุยกันต่อหน้าสื่อ
ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า ขณะนี้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้มีหน้าที่ประสานงานกับพรรคเล็กแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพรรคจะมอบหมายให้ทำหน้าที่นี้หรือไม่ แต่ยอมรับว่าควรรับฟังความเห็นความรู้สึกของพรรคเล็กบ้างเพราะเป็นกำลังสำคัญ ต้องฟังนายมงคลกิตติ์บ้างเพราะเสียสละมามากพอแล้ว ใครที่ทำสัญญากับพรรคเล็กไว้ควรรับผิดชอบ ซึ่งตนเองไม่ใช่คณะกรรมการบริหารพรรค แต่ก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วพรรคเล็กจะไม่ไปไหน และฝ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ก็ควรพูดคุยกันให้ชัดเจน
ด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีพยายามบริหารสัดส่วนให้ดีที่สุดแล้ว แต่เข้าใจตำแหน่งทางการเมืองมีจำกัด ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสเอง ที่ผ่านมาก็เป็นผู้ประสานงานกับพรรคเล็ก แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีหน้าที่จัดสรรด้วย คือหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่าเสียงยังไม่หาย รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพอยู่ และวันนี้ยังมีเวลา เพราะหลายตำแหน่งยังไม่ได้ข้อสรุป แม้จะมีเสียงปริ่มน้ำ เชื่อว่าไม่กระทบต่อเอกภาพอายุของรัฐบาล ถ้าทำงานโดยเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้นาน
ส่วนบทบาทของนายมงคลกิตติ์ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหลายเรื่อง ก็เป็นสิทธิของนายมงคลกิตติ์ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องรัฐบาลเสมอไป แต่ควรพูดในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง
'ธรรมนัส' โยนคนชวนแก้ปัญหาเอง หลัง 5 พรรคเล็กประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวถึงกรณี 5 พรรคเล็กประกาศแยกตัวจากรัฐบาลว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ไม่ใช่สักแต่พูดไปวันๆ ซึ่งตนกับพรรคเล็กเป็นพี่น้องกันมาตลอด ทั้งนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจธรรมชาติของนักการเมืองก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ส.ส.ทุกคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เราไม่สามารถไปบังคับใครได้ ส่วนเสถียรภาพในการทำงานของรัฐบาลนั้นก็คงไม่กระทบ ไม่ปริ่มน้ำ เพราะตนดูแลตรงนี้อยู่ แต่บางเรื่องบางราวนั้นตนคงพูดไม่ได้ แต่พี่น้องที่มาร่วมรัฐบาลกันก็ควรต้องฟังเขาบ้าง ซึ่งตนไม่ได้เข้าข้าง 10 พรรคเล็ก แต่ควรต้องฟังเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่ฟังอะไรเลย จะทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่แคร์เสียงเล็กเสียงน้อยก็ต้องไปแก้ปัญหาเอาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการส่งสัญญาณถึงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนไม่ได้หมายถึงใคร แต่หมายถึงสิ่งที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ รู้สึกอึดอัดใจ ส่วนจะนำไปหารือกับเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ขณะนี้ตนเป็นรมช.เกษตรฯ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องในสภาฯ ก็เป็นเรื่องของกลไกสภาฯ อย่างไรก็ตาม 10 พรรคเล็กก็คงต้องฟังเขาบ้าง ถ้าไม่ฟังเลยวันหนึ่งคุณอาจจะเสียใจ ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าตนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ควรให้ความสำคัญกับทุกคน อย่าลืมว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ 10 พรรคเล็กเป็นกำลังสำคัญ
เมื่อถามว่า แสดงว่าที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสำคัญกับ 10 พรรคเล็กใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คงต้องฟังนายมงคลกิตติ์ว่าอึดอัดใจอะไร ตนไม่ได้เข้าข้าง แต่เขาเสียสละมามากพอแล้ว ควรให้ความสำคัญกับเขาบ้าง เขาเซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับใคร คนๆ นั้นควรจะรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเขาคงไม่ไปไหน เดี๋ยวก็ปรับความเข้าใจกัน ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตติ์ระบุว่า แก้วที่มันร้าวแล้ว ต่อติดยากนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า แก้วร้าวแล้วก็เอามาหลอมใหม่ ส่วนจะเป็นเหมือนเดิมหรือไม่นั้น ตนบอกแล้วว่าต้องรู้จักให้เกียรติเขา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคที่ไม่ยอมรับฟังใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะเวลานี้ตนไม่ได้ดูแลเรื่องประสานรอยร้าวกับพรรคไหน ถ้าเขาไม่สั่งตนก็ไม่ทำ ถ้าเขาสั่งตนถึงทำ
ส่วนในฐานะที่ดูแลพรรคเล็กอยู่นั้น จะนำข้อเสนอไปหารือกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พรรคเล็กเขาทำข้อเสนอไปแล้วว่าเขาต้องการอะไร และส่งไปที่พรรคเรียบร้อยแล้ว ได้เจอกับผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่จะคุยอะไรก็ต้องพูดกับเขาให้ชัดเจน วันนี้มันจบแล้ว และทุกคนก็ส่งตัวแทนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยกเว้น 10 พรรคเล็กที่ยังไม่ได้รับการดูแล
ส่วนทางออกของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ถ้าไม่ได้รับมอบหมายตนคงคุยอะไรโดยพละการไม่ได้ ต้องเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคที่ต้องไปแก้ปัญหา หรือรอให้มีนโยบายที่ชัดเจนก่อนว่ามอบหมายให้ตนไปคุยกับพรรคเล็ก แต่ถ้าไม่มีก็คงทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนมาประชุมสภาฯ ไม่ได้มาเพื่อคุยกับใคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง