นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้แสดงความเห็นถึงกรณีการกู้เงินของพรรคการเมือง และการปฎิบัติหน้าที่ ของ กกต. ผ่านเฟซบุ๊ค โดยระบุว่า ได้เปรียบ พ.ร.ป. พรรคการเมือง 2 ฉบับ คือ 2550 กับ 2560 พบว่าในหมวดรายได้ของพรรคการเมือง ไม่มีกำหนดให้ เงินกู้ เป็นรายได้เหมือนกัน ฉะนั้น เงินกู้ จึงมีสถานะเป็นหนี้สิน และสามารถกู้จากใครก็ได้
นายสมชัย ยัง ระบุด้วยว่า ในอดีต มีพรรคการเมืองที่เคยกู้เงินเพื่อนำมาบริหารจัดการพรรคการเมือง โดยข้อมูลจากงบการเงินของพรรคการเมืองที่ส่งให้ กกต. ประจำปี 2556 มีพรรคการเมืองหลายพรรคที่กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาใช้ในกิจกรรมทางการเมือง อาทิ
- พรรคพลังชล ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย
- พรรคมาตุภูมิ ระบุว่า มีเงินกู้ยืมกรรมการ
- พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น
- พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย
ซึ่งรายการส่วนใหญ่ จะกู้ยืมเงินจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อนำไปใช้จ่ายในการบริหารกิจการของพรรค เช่น ค่าเช่าสำนักงาน
นายสมชัย ชี้ว่า หากอดีตมีพรรคที่เคยกู้เงินไม่ผิด และ กกต.ไม่เคยดำเนินการใดๆ หากเลือกที่ดำเนินการเฉพาะบางพรรคการเมือง จะถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
“อาจมีคนโต้แย้งว่า นั่น กฎหมายเก่า นี่ กฎหมายใหม่ มีเจตนาการบังคับใช้ต่างกัน อยากดูไหมครับ ข้อมูลเด็ดๆ ว่าในปัจจุบันมีพรรคการเมืองไหนกู้เงินบ้าง พรุ่งนี้ เฉลยครับ” นายสมชัย กล่าว