เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 ที่ Sheldon Ekamai ซอยเอกมัย 15 ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่จะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นทางการ ว่า ไม่ได้มีความกังวลใจ และมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่า พล.ต.อ.อัศวิน ก็เป็นผู้มีประสบการณ์สูง เพราะอยู่ในตำแหน่งมานาน และเมื่อลงมาเป็นผู้สมัครแล้วก็จะทำให้ประชาชนมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น 

สำหรับปัญหาของกรุงเทพฯ ที่ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบันยังไม่ได้แก้ไข และส่วนตัวมองว่าควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือเรื่องรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ยังถือว่ามีปัญหาใหญ่ กระทบกับคนจำนวนมาก และเกี่ยวโยงกับรัฐบาลด้วย จึงควรเร่งดำเนินการ เช่นเดียวกับเรื่องสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบหนักจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ตนคิดว่าสามารถนำมาเป็นบทเรียนในการปรับปรุงแก้ไขต่อได้ ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไป 

ส่วนประเด็นที่มักมีผู้เชื่อมโยงตนเข้ากับพรรคเพื่อไทย แม้จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระนั้น ชัชชาติ ยืนยันอีกครั้งว่า การลงสมัครครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับพรรคเพื่อไทย เป็นการทำงานโดยอิสระอย่างแท้จริง นโยบายต่างๆ ก็เป็นทีมงานทำกันเอง แต่ความเป็นอิสระก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นศัตรูกัน เมื่อทำงานในพื้นที่แล้วเจอเพื่อนที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยด้วยกันมา ก็สามารถสอบถามเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาได้ 

"ก็ต้องยืนยัน ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ว่าเป็นอิสระจริงๆ 2 ปีครึ่งก็เดินมาอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปเอาทรัพยากรจากใครมา แล้วคนที่มาช่วยเราหลายๆคนก็อยากให้เราเป็นอิสระ ถ้าเราไปโกหกเขา เขาก็ไม่อยู่กับเราแล้ว" ชัชชาติ กล่าว 

นอกจากนี้ ชัชชาติ ยังระบุว่า ในอนาคต การทำงานร่วมกันของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครฯ (ส.ก.) ไม่ว่าจะมาพรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองใดๆ ขอยืนยันว่าจะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ใครที่สนับสนุนเรา เราก็ยินดี ใครที่ไม่ได้สนับสนุน ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ยังต้องมาทำงานร่วมกัน 

ขณะที่นโยบายซึ่งเปิดเผยมากว่า 200 นโยบายนั้น และมีผู้ตั้งคำถามจะทำได้มากแค่ไหน ในระยะเวลา 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า จำนวนนโยบายอาจจะฟังดูเยอะ แต่ก็คงต้องเริ่มต้นทั้งหมด ข้าราชการลูกจ้าง 80,000 คน รับผิดชอบแทบจะเท่ากับรัฐบาล ดังนั้น หากนับจริงๆ แล้วก็เพียง 10 กว่าเรื่อง ทั้งเล็ก-ใหญ่ผสมกัน ต้องจัดลำดับให้ดี หลายเรื่องทำได้เลย เชื่อว่าจะเริ่มต้นทำทั้งหมดทุกเรื่อง แต่จะสำเร็จได้แค่ไหน ก็จะต้องมีการรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนรับทราบอยู่ดี และเชื่อว่าจะสร้างผลดีให้กับประชาชน เนื่องจากนโยบายได้ลงลึกในรายละเอียด