ที่โรงแรม แชงกรี-ลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่โรงแรม แชงกรี-ลา โดยมีรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจของไทยและของประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ผ่านมา ได้กล่าวถึง ความกล้าฝันของผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อ 52 ปีที่แล้ว ที่อยากเห็นภูมิภาคมีความมั่นคงทางการเมือง ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าทางสังคม โดยที่ผ่านมามีการบูรณาการความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในทุกมิติ ด้วยความกล้าลงมือในการขับเคลื่อนอาเซียนให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อาเซียนได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาแนวคิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) เพื่อใช้กลไกการลดอัตราภาษีนำเข้าระหว่างกัน และริเริ่มแนวคิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของอาเซียนให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ส่วนข้อริเริ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) นั้น เพื่อขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกับคู่ภาคีภายนอกอาเซียน ทั้ง 6 ประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับประชากรกว่า 3,500 ล้านคน และขนาดเศรษฐกิจที่มีมูลค่า GDP กว่า 27.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 32.3 ของ GDP โลก ซึ่งจะต้องผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปีนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด อาเซียนจึงต้องก้าวหน้าสู่อนาคต และก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ และต้องร่วมใจกันเสริมสร้างความเชื่อมโยง ทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าการประชุมครั้งนี้จะขับเคลื่อนความฝันของอาเซียนให้ก้าวไกลและยั่งยืน เพื่อรับมือกับอนาคต เสริมสร้างความเชื่อมโยงและความยั่งยืนในทุกมิติ ขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้าและใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญในขณะนี้คือ การเผชิญกับปัญหาสงครามการค้า ซึ่งกลุ่มอาเซียนต้องร่วมมือกันให้ผ่านปัญหานี้ไปได้ ต้องอาศัยพลังและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ด้วยการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการค้าตามแนวชายแดน รวมถึงต้องเตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากให้ทุกประเทศให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาขยะทะเล รวมถึงการพัฒนาให้เกิดสมาร์ทซิตี้ พร้อมทั้งต้องมีการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ และหุ่นยนต์ได้มากขึ้นด้วย ขอยืนยันว่าไทยในฐานะประธานอาเซียน มีความมุ่งมั่น ตั้งใจและพร้อมขับเคลื่อนอาเซียนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อระโยชน์ให้กับประชาชน