ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงาน ระบุว่า ศาลฎีกาเลื่อนการอ่านคำพิพากษา คดีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 ไปเป็นวันที่ 30 เม.ย. 2563 เวลา 09.00 น. เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ไม่ได้มาตามนัด เพราะยังไม่ได้รับหมายศาล
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวภายหลังจากฟังคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาว่า อัยการไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ 1 มาฟังคำพิพากษาได้ ซึ่งปรากฏหลักฐานจากเจ้าพนักงานไปรษณีย์ว่าจำเลยได้ย้ายที่อยู่และยังไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบัน ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปเป็นวันที่ 30 เม.ย. 2563 และให้เจ้าหน้าที่อัยการในฐานะโจทก์ ดำเนินการตามกระบวนการที่จะนำตัวจำเลยที่ 1 มารับฟังคำพิพากษาโดยเริ่มต้นจากการเสาะหาที่อยู่ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ศาลถามถึงบุคคลที่เป็นนายประกันของนายนพรุจ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของนายประกัน ซึ่งก็คือภรรยาของตน ที่จะต้องนำตัวจำเลยมารับฟังคำพิพากษา แกนนำ นปช. จึงได้แจ้งข้อเท็จจริงว่า ทั้งภรรยาของตนและแกนนำ นปช.ไม่ได้รู้จักมักคุ้นเป็นการส่วนตัวหรือเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับจำเลยที่ 1 และช่วงที่เกิดเหตุการณ์การเคลื่อนตัวจากท้องสนามหลวงไปที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ก็ไปกันคนละครั้ง แต่ที่ต้องยื่นขอประกันตัวนายนพรุจด้วยนั้น เพราะ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกทุกคน และนายนพรุจ บอกว่าไม่มีหลักทรัพย์ จึงต้องช่วยประกันตัวออกมาด้วย หากจะประกันตัวเฉพาะแกนนำ นปช. แล้วละทิ้งนายนพรุจไว้ ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เช่นกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับนายนพรุจอีก
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า แม้น้อมรับคำสั่งศาล แต่ก็สุดวิสัยที่จะตามตัวนายนพรุจมาได้ ซึ่งศาลก็รับฟังและได้พิจารณาว่าจะต้องปรับนายประกันในกรณีดังกล่าวหรือไม่ แต่ถึงที่สุดศาลก็ได้ให้ความเมตตาไม่มีคำสั่งปรับนายประกันแต่อย่างใด
สำหรับการนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้เลื่อนมาจาก วันที่ 23 ก.ย. 2562 เนื่องจากก่อนวันนัด นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และ นายแพทย์เหวง จำเลยที่ 4-7 ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่เคยปฏิเสธความผิดขอต่อสู้คดี โดยได้ยื่นคำให้การใหม่ เป็นให้การเป็นรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี กระทั่งได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาฎีกาอีกครั้ง
ส่วนนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. กล่าวก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลไม่ว่าจะออกมาในทางบวกหรือลบ เพราะได้เลือกเส้นทางต่อสู้นี้แล้วและได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น ส่วนการยื่นคำให้การใหม่ก่อนศาลฎีกาจะตัดสินเป็นการรับสารภาพนั้น เป็นการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นความหวังของจำเลยทุกคนว่าอาจจะได้รับการลดโทษ แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรเป็นพิเศษ
นายวีระกานต์ ฝากถึงสมาชิกและแนวร่วม นปช.ที่ขณะนี้กระจัดกระจายกัน แต่ยังมีความคิดความอ่านทางการเมืองอยู่ด้วยว่า ขอให้แสดงความคิดความเห็นด้วยสันติวิธี แค่ไม่ทิ้งหรือล้มเลิกความคิดทางการเมืองก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ด้านนายแพทย์เหวง กล่าวว่าพร้อมน้อมรับคำตัดสินในวันนี้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่มีปัญหา เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าบนเส้นทางนี้มี 2 ทางคือชนะหรือแพ้ ถ้าชนะประชาธิปไตยในประเทศงอกงาม ประชาชนก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่หากแพ้ก็มีชะตากรรมอยู่ 2 อย่าง คือ ติดคุกหรือไม่ก็ตาย
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานที่ปรึกษา นปช.พร้อมแกนนำและมวลชน นปช.คนเดินทางมาให้กำลังใจกว่า 100 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :