นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง มีมูลความผิดอาญา มาตรา157 ส่วนพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีมูลความผิดอาญา มาตรา157 และมีมูลความผิดวินัย
นอกจากนั้นยังชี้มูลความผิดตำรวจในคณะกรรมการประกวดราคาทั้งทางอาญาและทางวินัย รวมถึงชี้มูลความผิดบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาฐานสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วน พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ไม่มีมูลความผิด
นอกจากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่ง ซึ่งถือเป็นกรรมเดียวกับกรณีสร้างโรงพัก ส่วนคณะกรรมการประกวดราคามีมูลความผิดทางอาญาและทางวินัยร้ายแรง
ส่วนนายตำรวจที่เรียกรับเงินในคดีนี้มีมูลความผิดทางอาญา และมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ส่วนบริษัทรับเหมามีมูลความผิดอาญาฐานสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐโดย ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางอาญา และวินัยต่อไป
มติชี้มูล 'วิรัช - ทัศนียา' ส.ส.พปชร. พร้อมพวก คดีสร้างฟุตซอล
นายวรวิทย์ ระบุว่า อีกทั้งยังมีมติชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ และนางทัศนียา รัตนเศรษฐ และผู้ถูกกล่าวหา 23 ราย ตามกฏหมายอาญา ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียน จำนวน 56 แห่ง ในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา โดยพบว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน มีการวางแผนทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการของบประมาณ การแปรญัตติ รวมทั้งในขั้นตอนปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางรายเข้ามาทำโครงการ
ทั้งนี้คดีสร้างสนามฟุตซอลที่เหลือ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะใช้คดีนี้เป็นฐานในการพิจารณาคดีด้วย ส่วนกรณีนายวิรัชขู่จะฟ้อง ป.ป.ช.นั้น นายวรวิทย์กล่าวว่า ยืนยันว่ามีความมั่นใจในการทำงานของ ป.ป.ช. ส่วนใครจะฟ้องคงไปห้ามไม่ได้ ส่วนที่นายวิรัชร้องขอความเป็นธรรมมานั้น ป.ป.ช.ยกคำร้องเพราะพยานหลักฐานไม่มีความสำคัญที่จะทำให้ ป.ป.ช.เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยได้
'วิรัช' ทักท้วงมติ ป.ป.ช. ยึดเพียงใบบัญชีรายการแปรญญัติงบฯ
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงกรณีป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีการทุจริตสนามฟุตซอลในพื้นที่สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เขต 2 จ.นครราชสีมาว่า ได้ยื่นหนังสือทักท้วงต่อป.ป.ช.ไปแล้วหลังจากถูกชี้มูลความผิดคดีดังกล่าว เพราะหลักฐานสำคัญที่ป.ป.ช. นำมาดำเนินคดีกับตนเป็นเพียงใบบัญชีคุมยอดรายการแปรญัตติเพิ่มปี2555 สพฐ.ที่ระบุเพียงว่า พรรคเพื่อไทยได้รับงบประมาณ 2,588,420,000 บาท และมีพรรคการเมืองที่ได้รับงบแปรญัตติดังกล่าวด้วย
อาทิ พรรคชาติพัฒนา 140 ล้านบาท พรรคประชาธิปัตย์ 925 ล้านบาท พรรคภูมิใจไทย และระบุชื่อตนว่าได้รับงบแปรญัตติดังกล่าว 300 ล้านบาท แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารลอยๆไม่มีการระบุที่มา ไม่มีการเซ็นชื่อรับรองว่าเป็นเอกสารจากหน่วยงานใด แค่มีชื่อตนเข้าไปปรากฏอยู่ก็ถูกนำไปชี้มูลความผิดแล้ว
"ยืนยันว่าไม่เคยได้รับงบแปรญัตติดังกล่าวเลย ป.ป.ช.เคยทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2555 หรือไม่ว่า ได้จัดสรรงบแปรญัตติดังกล่าวให้พรรคการเมืองและผมหรือไม่ รวมถึงได้ทำหนังสือไปสอบถามพรรคการเมืองที่มีรายชื่อในเอกสารดังกล่าวหรือยังว่า ได้รับงบแปรญัตติจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ป.ป.ช.เรียกผมไปชี้แจงเพียงแค่ครั้งเดียว" นายวิรัช กล่าว
ทนายชี้ต้องฟันพรรคการเมืองอื่นด้วย
ด้าน นายทศพล เพ็งส้ม ทีมทนายความคดีทุจริตสนามฟุตซอลของนายวิรัช กล่าวว่า ต้องถามไปยังป.ป.ช.ว่า ได้สอบถามไปยังพรรคการเมืองและบุคคลที่มีชื่อระบุในเอกสารหรือไม่ หากมีการดำเนินคดีกับนายวิรัชจริง พรรคการเมืองที่มีชื่ออยู่ในเอกสารเดียวกันก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 72 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะถือว่าไปเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ต้องดำเนินการส่งคำร้องไปยัง กกต.ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองด้วย นอกจากนี้ทีมกฎหมายก็เตรียมฟ้องคดีเอาผิดกับป.ป.ช.ตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายพิจารณาคดีอาญา และมาตรา172 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบปรามการทุจริต
"เนื่องจากหลักฐานเรื่องการแปรญัตติงบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. นำมาใช้เอาผิดนายวิรัชไม่ได้สอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นเอกสารลอยๆที่ไม่มีใครเซ็นรับรอง แต่กลับนำมาใช้เอาผิด รวมทั้งไม่เคยไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กมธ.งบประมาณปี2555 หรือพรรคการเมืองต่างๆว่า ได้มีการแปรญัตติงบไปให้หรือได้รับงบแปรญัตติจริงหรือไม่" นายทศพล กล่าว