ไม่พบผลการค้นหา
วีระ สมความคิด เข้าใจความเจ็บปวดของคนเสื้อแดงที่ตกเป็นเหยื่อความอยุติธรรม พร้อมย้ำ เผาบ้านเผาเมืองเป็นแค่วาทกรรม ยัน ผู้มีอำนาจได้ประโยชน์จากความแตกแยกของประชาชน

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวถึงวาทกรรม ‘เผาบ้านเผาเมือง’ หลังศาลฎีกาชี้ว่าผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) 'ไม่ได้เผา' อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวมถึงยกฟ้องคดีเผา 'เซ็นทรัลเวิลด์' โดยระบุว่า ต้องยอมรับความจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้จะเคยเข้าใจผิดเพราะการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐและการเสพข่าวที่บิดเบือนดังเช่นคนจำนวนมากที่ถูกปิดกั้นจากความจริง

นายวีระระบุว่า ที่ต้องออกมาพูดครั้งนี้เพื่อยืนยันหลักการที่ยึดถือมาตลอด เพราะได้รับรู้ข้อมูลเรื่องร้องเรียนจากพยานในเหตุการณ์ และมีเพื่อนอดีตตำรวจระดับสูงที่ดูแลพื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี 2553 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และคำพิพากษาของศาล ยิ่งสำทับว่า วาทกรรม ‘เผาบ้านเผาเมือง’ และการใส่ร้ายคนเสื้อแดงเผาเซ็นทรัลเวิลด์นั้นไม่เป็นความจริง และจากข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่า ฝ่ายทหารอาจเป็นผู้ลงมือเผาเองด้วยซ้ำ ตามที่ได้ข้อมูลมา และต้องแยกแยะจากกรณีการก่อเหตุที่ต่างจังหวัดซึ่งเกี่ยวเนื่องกันเพราะสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้มีอำนาจรัฐขณะนั้น 

นายวีระยืนยันว่าสังคมไทยต้องยอมรับและสรุปบทเรียนจากประวัติศาสตร์โดยยกกรณีอาชญากรรมรัฐ 6 ตุลา 2519 ที่มีการใส่ร้าย สร้างความเกลียดชังด้วยความเท็จ ทำลายล้างนิสิตนักศึกษา ซึ่งนายวีระก็คือ 1 ในเหยื่อของอาชญากรรมรัฐครั้งนั้นที่ยังคงเจ็บปวดจากบาดแผลจนปัจจุบัน ที่สำคัญประวัติศาสตร์ยังไม่ถูกชำระ ดังนั้น นอกจากจะต้องให้ความเป็นธรรมแล้ว นายวีระยังเข้าใจความเจ็บแค้นของคนเสื้อแดงที่ได้รับความอยุติธรรม เป็นเหยื่อของอำนาจรัฐ และเป็นจำเลยของสังคม 

นายวีระกล่าวด้วยว่า ประชาชนไม่ควรตกหลุมพรางการแบ่งฝักฝ่ายที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้นมาทุกยุคเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง หรือทำลายฝ่ายเห็นต่าง เพราะปัจจุบันไม่มีเหลือง-แดง มีแต่ผู้ปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยกับประชาชนผู้ถูกปกครองไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน แต่ไม่คาดหวังว่าผู้ที่ปักใจเชื่อวาทกรรม ‘เผาบ้านเผาเมือง’ จะเข้าใจและยอมรับความจริงได้เหมือนกับตัวเอง เพราะการเข้าถึงข้อมูลต่างกัน และยังต้องอาศัยเวลาประสบการณ์รวมถึงหลักการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา และยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องคนเสื้อแดง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมและพูดความจริง โดยเฉพาะห้วงนี้ ที่ผู้มีอำนาจใช้วาทกรรมสร้างความแตกแยกเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและการสืบทอดอำนาจ ซึ่งนายวีระไม่ต้องการให้ประชาชนกลุ่มใดตกเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกเพื่อปกครองของผู้มีอำนาจ 

นายวีระยังกล่าวถึงกระแสการปิดสวิตช์ ส.ว. และจับขั้วตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย โดยมองว่าหากพรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียงกันไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ควรตัดสินใจทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. โดยประสานกับภาคประชาชนนอกสภาอย่างเอาการเอางานซึ่งจะไม่มีมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. คุ้มครองหรือใช้เอาเปรียบอย่างที่ผ่านมาได้โดยมองว่า คสช. จะพยายามยามสืบทอดอำนาจให้ได้เพราะมีเดิมพันสูงและวางกลไกทุกอย่างไว้แต่จะอยู่ในอำนาจไม่ได้นานการเลือกตั้งที่จะเกิดต่อจากนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะได้คะแนนอย่างล้นหลามแล้วค่อยดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญลบล้างผลพวงการรัฐประหารโดยไม่ต้องยอมเสียหลักการไปเกลือกกลั้วหรือจับมือร่วมกับบางพรรคเพื่อแค่ให้ได้เป็นรัฐบาลในรอบนี้