นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร หรือ เฮียล้าน อดีตสมาชิกสภา กทม.5 สมัย ที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า การเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลได้รับความนิยมจากผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่เป็นวัยรุ่นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลจากการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงในสนามการเมืองไม่ว่าจะระดับชาติหรือท้องถิ่น
"ช่วงก่อนที่จะตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกล มีหลายพรรคการเมืองมาติดต่อกับทางเราเหมือนกัน ขณะที่พรรคต้นสังกัดเก่าของผม ก็ไม่ได้ดูสนใจพวกเรามากนัก อาจจะเป็นเพราะเราเป็นนักการเมืองท้องถิ่นตัวเล็กๆ ในสายตาของพรรค ประกอบกับการที่พวกเขาอาจจะยุ่งกับการเป็นรัฐบาลอยู่ ก็อาจจะลืมเราไปบ้าง และเราอยู่กันแบบถ่อมตัวในพื้นที่ ไม่ได้มีตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใหญ่โตอื่นๆ ก่อนที่เราจะนำเรื่องมาหารือกันในครอบครัวและได้ข้อสรุปออกมาอย่างที่เห็น ว่าควรมาอยู่พรรคก้าวไกลน่าจะเหมาะสมกว่า" นายสุทธิชัย กล่าว
สำหรับตระกูล “วีรกุลสุนทร” เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเขตจอมทองมายาวนานกว่า 20 ปี โดยนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง เคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.5 สมัย ขณะที่นางนันทพร วีรกุลสุนทร ภรรยาของนายสุทธิชัย เคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.เขต มาถึง 2 สมัย ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับลูกชายอย่างนายพิรกร วีรกุลสุนทร ที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ก.เช่นเดียวกับคุณพ่อ
ปชป. ผิดหวังออกจากพรรคโจมตีที่ที่ให้กำเนิดทางการเมือง
ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร อดีต ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สนใจ เนื่องจากเป็นนักการเมืองท้องถิ่นตัวเล็กๆ ในสายตาพรรคว่า ตนเข้าใจวิถีทางทางการเมือง ว่าจะต้องมีนักการเมืองเข้าออกจากพรรคไป ก็เป็นเรื่องปกติ แต่มีน้อยมากที่คนออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วไปอยู่ที่ใหม่ และให้สัมภาษณ์โจมตีที่ที่ให้กำเนิดทางการเมือง ซึ่งกรณีของนายสุทธิชัย ที่ระบุว่า พรรคไม่ให้ความสำคัญนั้น อยากจะถามกลับไปว่า นายสุทธิชัยเอง ได้ให้ความสำคัญที่จะทำงานร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ดังนั้นกรณีนี้ทางพรรคก็ต้องหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพมาเติมเต็มการทำงานให้กับชาวบ้านเขตจอมทองต่อไป
"ผมเห็นว่า นายสุทธิชัย หรือเฮียล้าน อาจจะมีความหวั่นไหวเนื่องจากกระแสของพรรคการเมืองที่จะไปสังกัดมาแรงมากในพื้นที่ตรงนั้น จึงเกรงว่าหากขืนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตัวเองอาจจะสอบตกในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ จึงเลยหาสาเหตุที่ทำให้ตัวเองดูดี แต่สร้างความเสียหายให้กับพรรค ดังนั้น ผมเห็นว่า เพราะฉะนั้นการที่จะออกจากบ้านเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ควรโจมตีหรือเผาบ้านเก่าแบบนี้" นายชัยชนะ กล่าว