นพ. ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงสรุปสถานการณ์ประจำวันอังคาร ที่ 7 เม.ย. 2563 ว่าไทยอยู่อันดับ 39 ของโลก วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 คน ใน 66 จังหวัด รวมสะสม 2,258 คน รักษาหาย 824 คน เสียชีวิต 1 ราย รวมเสียชีวิต 27 ราย เป็นชายวัย 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว มีประวัติไปสังสรรค์หลายที่ เช่น สถานบันเทิงย่านทองหล่อ 

ในผู้ป่วย 38 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 17 คน เป็นสัมผัสผู้ป่วยยืนยันใกล้ชิดทั้งหมด อยู่ใน กทม. 11 คน มีทั้งติดเชื้อจากในบ้าน, ที่ทำงานและกลุ่มเพื่อน 

กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ป่วยอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 16 คน อาทิ คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 3 คน, ไปสถานที่ชุมนุมชน 3 คน, เป็นอาชีพเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัดหรือใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ 7 คน, บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข 3 คน ซึ่งยังไม่รวมผู้ป่วยที่ภูเก็ต ที่ต้องสอบสวนโรคบุคลากรทางการแพทย์นับ 100 คน

กลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 5 คน

สำหรับผู้ป่วยใหม่ทั้ง 38 คน เป็น กรุงเทพมหานครสูงสุด 25 คน, รองลงมา ชลบุรี 4 คน, ภูเก็ต 3 คน, และกระบี่ ชุมพรนครราชสีมา นนทบุรี พิษณุโลก และสุพรรณบุรีจังหวัดละ 1 คน 

สำหรับผู้ป่วยสะสมทั้ง 2,169 คน ใน 66 จังหวัด 10 อันดับสูงสุดของจังหวัดที่พบผู้ป่วยคือ กรุงเทพมหานคร 1,201 คน, ภูเก็ต 138 คน, นนทบุรี 134 คน, สมุทรปราการ 99 คน, ชลบุรี 70 คน, ยะลา 54 คน, ปัตตานี 46 คน, เชียงใหม่ 37 คน, สงขลา 37 คน, ปทุมธานี 26 คน, และอยู่ระหว่างสอบสวน 79 คน มี 11 จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วย คือกำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง 

แจงผู้ติดเชื้อน้อย เหตุประกาศเคอร์ฟิว

ทั้งนี้เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 คนนั้นดีขึ้นเพราะ 3 แนวทางคือ 1. การออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และการประกาศเคอร์ฟิว 2. การควบคุมภายในประเทศและการมีร่วมมือของประชาชน และ 3. กลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับชัดเจน

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง เนื่องจากตรวจน้อย และเกี่ยวกับเรื่องประสิทธิภาพการตรวจหรือไม่นั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ ย้ำว่าในกรุงเทพมหานครขณะนี้สามารถตรวจได้วันละ 1 หมื่นคน ต่างจังหวัดวันละ 1 หมื่นคน รวมทางประเทศเต็มที่วันละ 2 หมื่นคน ซึ่งถ้ามาพร้อมกันก็ไม่สามารถตรวจไหวเพราะต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการตรวจและอุปกรณ์จำนวนมาก ทั้งนี้ที่ประชุม EOC วันนี้ก็ได้หารือกันพยายามที่จะเพิ่มการตรวจและเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ในการตรวจวันละเป็น แสนคนอย่างต่างประเทศที่สามารถทำได้ 

โฆษก ศบค. ขอชื่นชมคนกรุงเทพมหานคร จากสถิติที่ลดลงชัดเจน ขณะที่ตัวเลขต่างจังหวัดยังสูงขึ้น แต่ถึงอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า การ์ดห้ามตก ต้องตรึงอย่างนี้ไว้ตลอด เพราะยังมีคนจากแหล่งรังโรค เข้ามาในประเทศที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ให้รังเกียจกันแต่ต้องระวัง

แจงผู้เดินทางกลับ ตปท. ต้องกักตัว 3 คนที่สัตหีบ

ส่วนกรณีที่พัก ในสถานกักกันตัว สัตหีบ ให้นอน 3 เตียงในหนึ่งห้อง ไม่สอดคล้องหลักการสาธารณสุข นั้น โฆษก ศบค. ย้ำว่า พักเดี่ยวดีที่สุด แต่สถานที่เราไม่เพียงพอหากไม่ได้ก็ต้องกักตัวคู่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องกักตัว 3 คน อย่างที่เห็น ทราบหรือไม่ว่าเมื่อมีการเดินทางกลับมากลุ่มหนึ่ง รัฐต้องใช้ทรัพยากรบุคคลในการดูแลเท่าไหร่ ซึ่งขณะนี้สัตหีบเต็มแล้ว และต้องหาสถานที่อื่นๆ เพื่อเตรียมรองรับ ย้ำว่าเพื่อความเหมาะสมอาจจะไม่สะดวกสบายต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัด และขอให้คนไทยในต่างประเทศทยอยกันเดินทางเข้ามาตามลำดับขั้นตอน

ส่วนคนไทยในอินโดนีเซีย ที่ไม่สามารถกลับมาได้ส่วนหนึ่งนั้นรับว่ามีอาการต้องสงสัย คือไม่สบาย เลยยังไม่นำกลับเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและเพื่อนร่วมเดินทาง ซึ่งก็จะต้องรักษาตัวที่ประเทศอินโดนิเซียโดยสถานทูตจะเข้าไปดูแลหากอาการดีขึ้นก็จะหารือเพื่อนำกลับประเทศ ย้ำว่านี่คือการคัดกรองที่ดีที่สุด