29 กรกฎาคม กัมพูชาเตรียมล็อกดาวน์จังหวัดติดชายแดนประเทศไทย เนื่องจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตามีต้นทางมาจากประเทศไทย อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องทุกวัน ส่อกระทบการเดินทางกลับภูมิลำเนาของแรงงานที่อยู่ในไทย

เพียงหนึ่งวันก่อนประกาศล็อกดาวน์ สมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาลงนามอนุญาตบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม มาตรการล็อกดาวน์จะบังคับใช้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 29 กรกฎาคมถึงวันที่ 12 สิงหาคม รวมระยะเวลาทั้งหมด 14 วัน โดยมาตรการจะห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านหลังเวลา 21:00 – 03:00 น. จำกัดการจับกลุ่มกันไม่เกิน 10 คนและปิดบริการภาคธุรกิจต่าง ๆ ยกเว้นสายการบินที่ยังให้บริการได้ตามปกติ

ฮุน เซ็น กล่าวถึงจุดประสงค์ของการล็อกดาวน์ครั้งนี้ผ่านทางเฟซบุ๊คว่า “การล็อกดาวน์ชั่วคราวมีจุดประสงค์เพื่อป้องการการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาจากไทยที่จะเข้ามาในชุมชน” ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตามีต้นทางมาจากประเทศไทย มาตรการล็อกดาวน์จึงมีผลกับทั้งหมด 8 จังหวัด โดยมี 7 จังหวัดที่ชายแดนติดกับประเทศไทย และ 1 จังหวัดใกล้เคียงได้แก่

• เกาะกง, โพธิสัตว์ (ติดกับจังหวัดตราด)
• พระตะบอง (ติดกับจังหวัดสระแก้วและจันทบุรี)
• ไพลิน (ติดกับจังหวัดจันทบุรี)
• บันทายมีชัย (ติดกับจังหวัดสระแก้ว)
• อุดรมีชัย (ติดกับจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์และศรีสะเกษ)
• พระวิหาร (ติดกับจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานี)
• เสียมเรียบ (ไม่ติดกับชายแดนไทย)

บริเวณจังหวัดที่มีการล็อกดาวน์ถูกแบ่งเป็นกลุ่มสีแดง สีส้มและสีเหลือง การแบ่งดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของการติดเชื้อและการเฝ้าระวัง โดยจังหวัดกลุ่มสีแดงคือบริเวณที่มีการแพร่ระบาดสูง ส่วนจังหวัดสีส้มและสีเหลืองคือมีการแพร่ระบาดในระดับไม่รุนแรง ทั้งนี้การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่

ขแมร์ไทมส์ (Khmertimes) สื่อท้องถิ่น รายงานว่า จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาได้ประสานไปยังจุดผ่านชายแดนไทย-กัมพูชาให้ปิดทำการชั่วคราว ยกเว้นบางกรณีที่จำเป็นต้องผ่านแดนเช่น การขนส่งสินค้าหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านการแพทย์ นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังประสานไปยังกระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมให้แจ้งไปยังแรงงานชาวกัมพูชาที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาให้ชะลอการเดินทางจนกว่ามาตรการล็อกดาวน์จะสิ้นสุด ซึ่งการการปิดพรมแดนได้สร้างความไม่พอใจให้กับภาคประชาสังคมและองค์กรด้านสิทธิ เนื่องจากแรงงานชาวกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก

กัมพูชาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เกือบทั้งหมดเมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามได้พบการระบาดอีกครั้งเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ ทำให้กัมพูชามียอดผู้ติดเชื้อสะสม 75,152 รายและผู้เสียชีวิต 1,339 ราย

เตรียมรับ J&J 1 ล้านโดส ผ่านโคแวกซ์

ขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงพนมเปญ ได้โพสต์ข้อความว่า รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 ของจอนห์สันแอนด์จอนห์สัน จำนวน 1 ล้านโดส ผ่านโครงการโคแวกซ์ ซึ่งจะได้รับการส่งมอบในล็อตแรกภายในวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคมนี้ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเดินทางถึงกัมพูชาในวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม

สถานทูตสหรัฐฯ ระบุข้อความบนเฟซบุ๊กว่า การบริจาคครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อประชาชนชาวกัมพูชาและภูมิภาคให้ฟื้นตัวจากการระบาด โดยวัคซีนครึ่งหนึ่งจะมาถึงสนามบินนานาชาติกรุงพนมเปญในวันศุกร์ และส่วนที่เหลือคาดว่าจะมาถึงกัมพูชาในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชายังได้ผ่อนปรนกฎเกณฑ์ อนุญาตให้บริษัทยาเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิดที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองเพื่อนำมาแจกจ่ายในประเทศได้ โดยเอกชนจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับการขนส่ง เฝ้าติดตาม และจัดเก็บวัคซีน เพื่อให้มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับสูงสุด

ที่มา: Reuters , The Phnom Penh Post , Khmer Times