ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ ฝากเจ้ากระทรวงปูนบำเหน็จโยกย้าย ขรก. อย่างเป็นธรรม ยันมีอิสระทำงานไม่ผูกติดตระกูล ‘ชินวัตร’ แจงรฟฟ. 20 บาท ไม่บรรจุในคำแถลงต่อสภาฯ เหตุแถลงถึงการขนส่งแบบภาพรวม เล็งพบปะนักธุรกิจระดับโลกขยายฐานลงทุนในไทย รับกดดันเพราะปัญหาประชาชนคือเรื่องใหญ่

วันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า วันนี้เป็นการพบปะพูดคุยครั้งแรกใน ครม. นัดพิเศษ ไม่ได้มีการสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น แต่เน้นย้ำรัฐมนตรีไปว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน ต้องทำงานเพื่อประชาชน จึงต้องยึดตามหลักกฎหมาย และความชอบธรรม อีกทั้งต้องดูให้ดีเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม รวมถึงการให้เกียรติข้าราชการเวลาสั่งการ 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เป็นฤดูแห่งการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการ จึงได้เน้นย้ำเจ้ากระทรวงไปว่า ข้าราชการเป็นภาคส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ ข้าราชการเขาทำงานมาตลอดชีวิต จึงอยากได้ความก้าวหน้าในชีวิต ฉะนั้นการปูนบำเหน็จจึงต้องเป็นธรรม ดูที่ผลงาน ไม่ใช่การซื้อขาย หวังว่ารัฐมนตรีทุกท่านจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ 

“รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีนโยบายดีๆ ที่จะแถลงต่อรัฐสภา แต่หลายๆ เรื่องเราต้องมีการขับเคลื่อนจากฝั่งข้าราชการ ดังนั้นถ้าเราไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา การขับเคลื่อนจะเป็นไปได้อย่างยากลำบาก” เศรษฐา กล่าว 

เมื่อถามถึงการนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ถูกเบรคไว้อยู่นั้น เศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า ‘เบรค’ ถูกต้องหรือเปล่า แต่ยืนยันว่าจะนั่งประธาน ก.ตร. เอง และจะหาวันที่เหมาะสมในการเข้าประชุมเอง ส่วน ผบ.ตร. คนใหม่ ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะยังไม่ได้เข้าบริหารราชการ แต่จะพิจารณาทั้งหลักอาวุโส และผลงาน 

ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายไม่ถูกบรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น เศรษฐา กล่าวว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นคำแถลงกว้างๆ แต่รัฐบาลจะดูเรื่องของการขนส่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งทางน้ำ บก และอากาศ ดังนั้นในเรื่องของรถไฟฟ้าเราต้องเชื่อมต่อทุกสายให้เท่ากัน ใช้บัตรใบเดียวเพื่อให้เกิดความสะดวก แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายจากงบประมาณที่เหมาะสม เราจึงต้องเอาการขนส่งทั้งหมดมาเชื่อมต่อกันอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นรัฐบาลขอโอกาสทำงานก่อน แต่เข้าใจว่า ทุกอย่างเร่งด่วนทั้งหมด 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงปัญหาเอลนีโญที่ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชผลได้ ขณะที่หลายประเทศชะลอการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตร แต่ประเทศไทยไม่ชะลอ จึงเกิดความกังวลต่อผลผลิตในประเทศ เศรษฐา กล่าวว่า ปากท้องคนไทยทุกคนเป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดี ตั้งแต่สมัยหาเสียงก็เป็นนโยบายหลักของพรรค อีกทั้งเวลาที่อยู่ในรัฐบาลพรรคร่วม ทุกท่านก็ให้ความสำคัญ

ดังนั้น การขยายรายได้ให้เกษตรกรจึงต้องมีการส่งออกเป็นหลัก รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ๆ การเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก และการลดค่าใช้จ่ายในวัตถุดิบที่ใช้ในการเพาะปลูก ดังนั้นนี่จึงเป็นการเพิ่มรายได้สุทธิ แต่ความกังวลที่ว่าประเทศไทยจะส่งออกผลผลิตใดจนทำให้คนไทยไม่มีกิน ก็ต้องมาดูให้ดี

“ต้องคำนึงว่า พืชบางชนิดมีการขาดแคลนเพราะปัญหาทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเอลนีโญ ดังนั้นการประชุม ครม. นัดแรก วันที่ 13 ก.ย. ก็จะมีมาตรการต่างๆ ออกมา ตอนนี้จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรวบรวมข้อมูลอยู่ รวมถึงการชดเชยความเสียหายของเกษตรกร ตรงส่วนนี้ขอดูข้อมูลก่อน เพราะยังไม่ได้รับรายงาน” เศรษฐา ระบุ 

สำหรับความอิสระในการทำงานเนื่องจาก พรรคเพื่อไทย และครอบครัวชินวัตรมีความเกี่ยวเนื่องกันนั้น เศรษฐา กล่าวว่า ขอเวลาในการบริหารราชการ อีกสัก 3-6 เดือน แล้วให้สื่อมวลชนมาถามอีกที แต่ยืนยันว่า ตนมีอิสระทางด้านความคิด ไม่ใช่แค่ครอบครัวชินวัตร แต่ใครก็ตามมีคำแนะนำดีๆ เพื่อพี่น้องประชาชนก็พร้อมรับฟัง 

เศรษฐา ยังกล่าวถึงการแสวงหาโอกาสจากการเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศอีกว่า ปัจจุบันนี้ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงการต่างประเทศรวบรวมรายชื่อผู้นำหลายประเทศ และตนก็ได้นัดหมายกับนักธุรกิจระดับโลก เพื่อพูดคุยความต้องการในการมาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้นการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ถือว่าเป็น เวลาดีที่เราจะได้พบปะพูดคุย ส่วนการพบปะผู้นำสหรัฐฯ ก็กำลังนัดอยู่ แต่มั่นใจว่า ต้องได้เจออยู่แล้ว เพราะท่านจะเลี้ยงอาหารค่ำในวันใดวันหนึ่ง

ทั้งนี้ เศรษฐา ยังเปิดเผยอีกว่า การเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้มีความกดดันอยู่แล้ว เพราะปัญหาพี่น้องประชาชนคือเรื่องใหญ่ แต่อยากให้มั่นใจว่า ตนมีความตั้งใจจริง รวมถึงการเข้ากระทรวงการคลังในฐานะรัฐมนตรีว่าการนั้น ยึดฤกษ์สะดวก และฤกษ์ฮวงจุ้ย ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง 

เศรษฐา.jpgเศรษฐา แถลงนโยบายรัฐสภา LINE_ALBUM_บรรยากาศนายกฯแถลงข่าว_230906_19.jpgเศรษฐา.jpgเศรษฐา.jpg