วันที่ 5 ม.ค. 2565 จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุผ่าน ‘วอยซ์’ ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในรอบปี 2564 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ว่า ผู้ประกอบการหลายรายเจอผลกระทบกับโควิด-19 ทำให้ไปต่อไม่ไหวจนต้องปิดตัวลง แม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อที่มีชื่อเสียงบางสาขาในจังหวัดก็ต้องปิดตัวลงเมื่อช่วงปลายปี 2564 เนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว เพราะไม่มีการใช้ชีวิต ถึงแม้ว่าสถานที่ตั้งของร้านจะอยู่ในพื้นที่หนาแน่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็ตาม แต่เมื่อเกิดภาวะเช่นนี้ทำให้ช็อกทั้งระบบ ทำให้ของที่สต็อกไม่มีการหมุนเวียน ไม่มีการซื้อเข้าจ่ายออก ทำให้ผู้ประกอบการไปต่อไม่ไหวและบางรายต้องปิดกิจการลง
เมื่อถามถึงเศรษฐกิจในเชียงใหม่เวลานี้มันส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เพราะเพิ่งมีปัญหาโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘โอไมครอน’ เข้ามา สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร จักรพล ตอบว่า ตั้งแต่มีการกลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอนเข้ามา เรามีการต่อสู้และเดินทางกันจนมาถึงจุดที่คิดว่า น่าจะดีสำหรับสถานประกอบการต่างๆ และธุรกิจท่องเที่ยว แต่การจัดการที่รัฐบาลประกาศลดหย่อนมาตรการในการเข้ามาของนักท่องเที่ยว หรือเรียกได้ว่า เปิดประเทศ แต่ว่าการเปิดประเทศนั้นความมั่นใจก็ไม่ได้มีสูงมาก ทั้งในเรื่องของปริมาณวัคซีนที่ฉีดให้กับประชาชน เพียงแต่ว่าเราอยู่กับมันและแข็งแรงขึ้นที่จะอยู่กับมัน แต่ว่าพอมันกลายพันธุ์ ก็เกิดการสวิงของรัฐบาลอีกครั้ง ว่าจะปิดหรือจะเปิดประเทศ รวมทั้งกระแสใหญ่ที่บอกว่าสถานบันเทิงของ กทม. ต้องปิดถึงวันที่ 15 ม.ค. 2565 ตัวเลขของผู้ติดเชื้อก็เยอะขึ้น
ในส่วนของผู้ประกอบการก็มีการคุยกันใน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คือ สภาอุตสาหกรรมหอการค้า ผู้ประกอบการร้านอาหารในเชียงใหม่ ซึ่งมีการคุยกันตลอดว่าเราจะเอาอย่างไรกันแน่ เพราะการรอหวังทางออก หรือการพึ่งรัฐบาลนั้นเราก็อ่อนใจ และเมื่อดูจากตัวเลขของผู้ติดเชื้อโอไมครอนล่าสุดประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสองของอาเซียน ฉะนั้นเมื่อเราวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ เราก็จะรู้ว่าเราจะต้องไม่เดินอย่างประมาท
“เงินก้อนสุดท้ายเราหมดไปตั้งแต่ระลอก 3 แล้ว และเมื่อระลอก 4 เกิดขึ้นอีก นี่คือการกัดฟันสู้ครั้งสุดท้าย การจะกู้เงินจากสถานบันการเงินก็เป็นเรื่องที่ยาก และเมื่อมาเจอโอไมครอนระลอก 5 สิ่งที่น่ากลัวที่พวกเราคุยกันอีกก็คือ เรื่องของไข้หวัดใหญ่ที่จะมาพร้อมกับโอไมครอน และไวรัสโควิด หากเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกมันก็จะมีอาฟเตอร์ช็อกที่รุนแรงได้” จักรพล ระบุ
ชี้โควิดกระหน่ำท่องเที่ยว ‘เชียงใหม่’ จนร้านค้าเจ๊ง สูญรายได้กว่า 4 แสนล้าน
ส่วนภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวของประเทศเกิดความเสียหายแค่ไหน จักรพล ตอบว่า ด้วยสถิติต่างๆเมืองเชียงใหม่อยู่ด้วยการท่องเที่ยวมาโดยตลอด เรียกได้ว่า 80% ของ จ.เชียงใหม่ ส่วนอีก 20% เป็นเรื่องของโอท็อป และการเกษตร และชุมชน เราก็เลยพึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ (การท่องเที่ยว) มาตลอดพอเครื่องยนต์ตัวนี้มันดับแล้วมันก็สตาร์ทติดยากและไม่มีการมาเยียวยาเครื่องยนต์ตัวนี้ จะเห็นว่ามีการปิดตัวของกิจการ เป็นเหมือนเมืองร้างอาชีพต่างๆ หรือความสุขเดิมๆ ที่เราเคยเห็นกันตามท้องถนนก็ไม่มี เช่น นิมมานเหมินทร์ ไนท์บาร์ซ่า ห้วยแก้ว ร้านต่างๆ ปิดไปประมาณ 90% ส่งผลให้มีจำนวนคนตกงานที่มหาศาลเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน หาเรื่องของปากท้อง ปัญหาสังคม คนพเนจร คนไร้บ้านก็สูงขึ้น ปัญหาการลักขโมยในพื้นที่ต่างๆ ที่แออัด ก็สูงขึ้น เพราะฉะนั้นมันกระทบชิ่งในทุกมิติ
จักรพล ยังระบุด้วยว่า ช่วงต้นปี 2564 มูลค่าที่ จ.เชียงใหม่เสียหายไป คือ 400,000 กว่าล้านบาท ธุรกิจปิดไป 76% ไม่ว่าจะเป็นปางช้าง รีสอร์ท ร้านอาหาร โฮมสเตย์ ลองสเตย์ ที่เป็นรายได้จากการท่องเที่ยวจบหมด เป็นผลกระทบชั้นหลัก และต่อไปมันก็กระทบต่อการจ้างงานต่างๆที่ทำงานในด้านบริการ ส่วนการลงทุนต่างๆ ถูกยกเลิกหมด และความมั่นใจที่เขาจะเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำหรับการท่องเที่ยวก็ถูกเลื่อนออกไป เพราะเงื่อนไขในการเข้าประเทศเป็นเรื่องยากเหมือนเราไม่ได้ต้อนรับเขาจริงๆ
เมื่อถามว่า มองการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ 2565 จะดีขึ้นหรือไม่ จักรพล ระบุว่า ต้องขอบคุณในช่วงไฮซีซั่นของเรา การต่อสู้ร่วมกันของภาคท่องเที่ยว ภาคเอกชน และหน่วยราชการของจังหวัดเชียงใหม่ เราก็ตั้งการ์ดสูงกันมาตลอด จริงๆแล้วในการระบาดระลอก 2 จ.เชียงใหม่รับมือได้เป็นอย่างดีการติดเชื้อรายวันมีเพียงแค่ระดับ 10 นั่นแปลว่าเราทำมาได้ดีมาก แต่ว่าจุดผิดพลาดมันอยู่ตรงที่วัคซีนที่ควรจะมาตามสเต็ปกลับไม่สามารถจัดการได้ จึงเกิดการระบาดระลอก3 และระลอก 4 ที่ท่วมท้น และจัดการไม่ได้
เตือนหลังปีใหม่ ‘โอไมครอน’ อาจมาแรง ทำอาฟเตอร์ช็อกซ้ำเติมท่องเที่ยว
“เรียกได้ว่าเราเคยมีแผลสด เราก็รักษาแผลทายา รักษาตัวกันมาจนได้ จนมาครั้งนี้ตั้งแต่ต้น ธ.ค. 2564 เป็นต้นมาเริ่มมีความสดใสมากขึ้น คู่นี้ที่เราเดินกันในเมืองก็จะเห็นว่า คนเขามารอถ่ายรูป คนเริ่มเดินทางมา โรงแรม รีสอร์ทยอดจองมากขึ้น อากาศก็เริ่มหนาวคนก็เริ่มขึ้นดอยไปเที่ยวกัน แต่ตอนนี้มันเหมือนจะมีอะไรซ่อนอยู่ เพราะเวลานี้คนเริ่มบางตาแล้ว และหลังวันที่ 4 ม.ค. 2565 มันก็จะกลับไปสู่โลกของความเป็นจริง แปลว่าในช่วงที่ต้องกอบโกยกันมันสั้นเหลือเกิน และก็ยังไม่สามารถเปิดได้อย่างเต็มที่ หลายๆ ร้านก็ยังกล้าเปิด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกปิดไหม แล้วจะต้องลงทุนขนาดไหน อย่างร้านใหญ่ร้านหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ก็ไม่กล้าเปิด ถ้าเปิดแล้วมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น เขาก็ลำบาก”
ถามย้ำว่า ประเมินสถานการณ์ในช่วงหลังจากนี้ ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่อาจจะมีมากขึ้นในแต่ละวัน สถานการณ์จะซ้ำรอยกับปีที่ผ่านมาหรือไม่ จักรพล บอกว่า สถานการณ์ของรัฐบาลปัจจุบันมันขัดแย้งกัน คือสถานการณ์โอไมครอน ในทวีปยุโรป อย่างฝรั่งเศส หรืออังกฤษที่รับมือได้ดี ตอนนี้ตัวเลขก็แตกกระจายไปแล้ว เพียงแต่ว่าเขายังมีการจัดการหรือการรับมือที่ดีของรัฐบาล รัฐบาลยังมีความสามารถเพียงพอ ทำให้ประชาชนยังมีกำลังใจและพร้อมที่จะสู้กับมัน
แต่หากเหตุการณ์ระดับนี้มันรุนแรงมาก รัฐบาลยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรองรับ และไม่มีประสบการณ์ที่จะดูแล เห็นได้จาก 4 ระลอกที่ผ่านมา มันเป็นประสบการณ์ที่ล้มเหลว มันจึงทำให้เราแอบกังวลกับสิ่งที่มันอาจจะเกิดขึ้นหากตัวเลขมันเพิ่มสูงขึ้น ผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ตัวเลขหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ระบบการเงินสถาบันทางการเงินพังทั้งหมด จะเห็นถึงทางตันทั้งหมด ถ้าแบบนี้มันจะฟื้นยาก จะลืมตาอ้าปากขึ้นมานิดนึงก็โดนตีหัวลงไปอีกแล้ว
จักรพล ระบุว่า ถ้าเรามองว่าหากเกิดการระบาดหนักครั้งหน้า โดยตัวเลขอาจจะสูงมากจนทำให้ต้องปิดประเทศ การที่รัฐสภาให้เวิร์กฟรอมโฮมทั้งที่ยังมีกฎหมายที่ค้างสภาอยู่อีกหลายฉบับ และองค์กรเอกชนใหญ่ๆ ประกาศให้พนักงานเวิร์กฟรอมโฮมทั้งหมด และจะเดินต่อแบบไหน จะวางแผนการใช้เงินให้ไปถึงไตรมาสสี่อย่างไร อีกทั้ง ฝ่ายบริหารก็ยังไม่สามารถเดินต่อได้ ถ้ารัฐบาลใจกว้างก็ควรเปิดใจรับฟังข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย
แนะใช้วิธีภาคอุตสาหกรรมกระตุ้นช่วยท่องเที่ยว
เมื่อถามถึงวิธีที่จะทำให้ภาคเศรษฐกิจไทยในปี 2565 บอบช้ำน้อยที่สุด หากจะให้รัฐบาลตัดสินใจ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ย้ำว่า ภาคการต่างประเทศเราต้องแข็งแรง ฉะนั้นต้องสร้างเม็ดเงินโดยไม่จำเป็นต้องนำคนเข้ามาในประเทศหรือนำคนออกจากประเทศ โดยการใช้ทักษะที่คนไทยมี เพราะเรายังมีการผลิตเรายังมีโรงงานดีๆ หากกระทรวงการต่างประเทศมีความแข็งแรงและสามารถเข้าไปเจรจาได้ คือที่ผ่านมาเราถูกย้ายฐานการผลิตไปเยอะมาก ย้ายจากประเทศเราไปอยู่ประเทศข้างเคียงมูลค่าเป็นแสนล้านบาท
สองเครื่องยนต์หลักที่พูดมาเสมอ ภาคการท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม ปัญหาเครื่องยนต์มันดับไปหนึ่งตัวเราก็ต้องไปกระตุ้นอีกหนึ่งตัวขึ้นมา ตรงนี้จึงน่าจะเป็นทางออกหนึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงานที่ต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้เข้ามาทำให้เกิดการใช้หนี้ที่รัฐบาลไปกู้มา เมื่อเกิดการหมุนเวียนก็จะสามารถหล่อเลี้ยงทางระบบได้
ถามว่า คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะอยู่ถึงสิ้นปี 2565 หรือไม่ จักรพล ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงอยากอยู่ครบเทอมอยู่แล้ว และไม่ฟังอะไรเลย แต่ว่าหากดูไทม์ไลน์และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองซึ่งไม่ใช่ความลับอะไร หากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. และผู้ว่าฯ กทม.ทั้งหมดนี้เป็นไปในทิศทางที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องการ ก็คาดว่าจะมีเทคนิคและเหตุผลที่จะดึงเกมไปจนสุดได้
“เสียงที่ประชาชนจะตัดสินใจครั้งนี้ มันจะสะท้อนและเป็นกระบอกเสียงอันใหญ่มากต่อรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ หากเราไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมจนถึงขั้นยุบสภาฯ ได้ แต่อย่างน้อยอาจะสะท้อนถึงข้างบน หรือผู้บริหารประเทศว่าเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัวนำคนที่มีความสามารถมากกว่านี้ ความหวังใจของเราการต่อสู้ของเราก็ตั้งอยู่บนวิถีประชาธิปไตยมาโดยตลอด เพียวแต่ว่าน้ำหนักหรือข้อมูลที่เราอยากจะสื่อถึงเขาเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยคว้าชัยในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ครั้งนี้ และในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ชนะเข้าไป ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ส่งไปถึงรัฐบาลได้เป็นอย่างดี” จักรพล ระบุ
จักรพล ระบุว่า ด้วยสปิริตของชายชาติทหารอยู่ น่าจะต้องยิ่งแฟร์กับทุกอย่างด้วย คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่ออีกกี่ปี ทำไมกระหายที่จะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปมากขนาดนั้น คนเขาดูออก ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ได้ และกำลังแบกคนอีก 70 ล้านคน และน้ำตามันไหลจนไม่มีจะออกกันอยู่แล้ว
“คุณนั่งอยู่ในไทยคู่ฟ้ากับกระทรวงไม่กี่กระทรวง คุณบริหารและคุณมีความสุข คุณตื่นมา คุณหลับตาข้างหนึ่งว่ามันทุกข์หรือไม่ทุกข์กันแน่ แล้วคุณก็หลอกตัวเองว่าคุณบริหารได้ดี แต่ว่าคนไทย เศรษฐกิจไทย และประเทศไทย จะไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้เลย หากมีผู้บริหารที่คิดได้แค่นี้ทำงานอยู่ในตึกไทยคู่ฟ้า ฉะนั้นตรงนี้มันถึงทางตัน มันไม่มีทางออก มันไม่มีทางเดินต่อได้ ทุกคนก็พูดหมดแล้วว่าลาออกไปเถอะ” จักรพล ย้ำ
ขณะเดียวกัน จักรพล ยังระบุว่า ปกติแล้วในช่วงเทศกาล จ.เชียงใหม่เป็นเมืองอันดับ 3 ของประเทศ ที่ทุกคนต้องมา มีการตกแต่งอย่างงดงามทั่วทั้งเมือง แต่ที่ผ่านมาอย่างเทศกาลสงกรานต์ไม่มี ลอยกระทงก็ซบเซาไป แต่ขณะนี้ จ.เชียงใหม่มีความพร้อมรับนักท่องเที่ยว ทั้งสภาพภูมิอากาศ ผู้คนยิ้มแย้มให้การต้อนรับ ระบบสาธารณสุข มีการฉีดวัคซีนเชิงรุก เข็มที่ 1 และ2 กว่า 70-80% แล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยว จ.เชียงใหม่ เรามีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าบ้านเฝ้ารอแค่ให้ทุกคนเดินทางมาชุบชีวิตให้คนเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง