หลังจากทางกลุ่มทะลุวัง พร้อมเครือข่าย ได้เข้าพูดคุยหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อเสนอข้อเรียกร้องของแบม และตะวัน 2 นักกิจกรรมอดอาหารประท้วงระหว่างถอนประกันตนเอง ต่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งข้อเสนอเรียก้องของทั้งคู่ประกอบด้วย 1.ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2.ให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทุกคน และ 3.ให้พรรคการเมืองเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดย ธนพร ได้ออกมาแถลงข่าว ระบุว่า การพูดคุยเป็นอย่างตรงไปตรงมา โดยพรุ่งนี้พรรคเพื่อไทยจะไปหารือเพื่อขอเลื่อนวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการพิจารณาวาระว่าด้วยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อยุติการบังคับใช้กฎหมายอย่างล้นเกิน มาพิจารณาก่อน
ส่วนในประเด็นของนักโทษการเมือง ซึ่งทางกลุ่มได้ขอให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปยื่นประกันตัวนั้น ทางพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในของพรรค ผู้แทนพรรคที่มาผู้คุยยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่คาดว่าจะมีการแถลงผลการประชุมหารือออกมาภายในสัปดาห์นี้
ส่วนข้อเสนอว่าด้วยการยกเลิก ม.112 และ ม.116 นั้น บุ้ง เนติพร กลุ่มทะลุวัง แถลงว่า ข้อเสนอนี้ทั้งตนเอง ตะวัน และแบม ต่างทราบดีว่าประเด็นนี้ไม่สามารถทำได้ทันทีภายในเวลาอันสั้น แต่สิ่งที่ต้องการนั้น คือต้องการรู้ว่าทางพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนอย่างไรกับกฎหมายมาตรานี้ โดยทางพรรคเพื่อไทยได้แจ้งในการหารือว่า วันนี้ทำได้เพียงรับข้อเรียกร้องไว้ และจะแถลงในเวลาถัดมา นั่นหมายความว่าวันนี้ ยังไม่ได้คำตอบ โดยทางกลุ่มจะยังคงเฝ้าติดตามคำตอบต่อไป
ธนพร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามแม้วันนี้ทางพรรคเพื่อไทยจะยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ก็ได้มีท่าทีที่พร้อมรับข้อเสนอไปพิจารณา และจะมีการแถลงออกมาต่อไป ส่วนสิ่งที่จะแถลงออกมานั้นประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ทางพรรคก็พร้อมที่จะน้อมรับ จากนี้จึงอย่างขอให้ประชาชนร่วมกันติดตามว่าทางพรรคจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร
“เราได้ถามไปด้วยว่า หากหลังจากนี้มีการเลือกตั้ง และเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะมีการวางท่าทีอย่างไรกับกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 ตัวแทนพรรคพูดกับเราชัดเจนว่า จะมีการเปิดพื้นที่ที่ปลอดภัย ที่สามารถพูดคุยถกเถียงถึงปัญหาของกฎหมายนี้ เพราะสังคมวันนี้เวลาพูดถึงกฎหมายมาตรา 112 ยังมีความเห็นต่างกันอยู่เยอะ จึงมีความเป็นไปได้ยากที่จะให้พรรคออกมาพูดว่าจะยกเลิกหรือแก้ไข จนกว่าจะได้ฟังเสียงของคนในสังคมว่ามีความเห็นอย่างไรก็กฎหมายนี้”
ต่อมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวระบุว่า
1.เราขอแสดงความเคารพในการตัดสินใจ ความเสียสละในการต่อสู้อย่างเด็ดเดียวของ คุณตะวัน ตัวตุลานนท์ และคุณอรวรรณ ภู่พงษ์ ในครั้งนี้ การถอนประกันตัวเองและอดอาหารและน้ำของตะวันและแบม เรามีความห่วงใยในความปลอดภัยแห่งชีวิตของน้องนักศึกษาทั้ง 2 ซึ่งควรจะมีชีวิต เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและชาติบ้านเมืองต่อไป มีข้อฝากว่าแพทย์มีหน้าที่รักษาผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แม้จะขัดต่อเจตนารมณ์และความยินยอมของผู้ป่วย ตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ข้อบังคับแพทยสภา และพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม จึงไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะสามารถปล่อยให้ผู้ป่วยสิ้นชีวิตไปได้ต่อหน้าต่อตา โดยมิได้ทำอะไรเลย
2.พรรคเห็นว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะสิทธิในการประกันตัว ย่อมได้รับความคุ้มครอง เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมทั้งของไทย และนานาอารยประเทศ พรรคเห็นว่าการให้ประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นนิสิต นักศึกษา และเป็นเพียงผู้เห็นต่างทางความคิดมิได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงใดๆ ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพเป็นหลัก จึงถึงเวลาที่ควรจะได้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ดังเช่นที่พรรคเพื่อไทยได้เคยเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องสิทธิในการประกันตัวจะต้องเป็นหลัก การไม่ให้ประกันต้องเป็นข้อยกเว้น จะคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้เกินหนึ่งปีมิได้ และให้เพิ่มเติมสิทธิในกระบวนการยุติธรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยเร่งด่วนในชั้นนี้เห็นว่าการที่ศาลไม่ให้ประกันตัว โดยเหตุผลที่ไม่สอดคล้องกับ ป.วิ.อาญา การถอนประกันโดยศาลเองโดยมิได้มีคำร้องจากฝ่ายใด เป็นเรื่องที่จะต้องทบทวน นอกจากนี้พรรคจะเสนอเลื่อนญัตติด่วนเรื่องการใช้กฎหมายที่ล้นเกินอันกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ค้างอยู่ในสภาขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์นี้
3.ส่วนข้อเสนอเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 นั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า กรณีตามมาตรา 116 นั้น เป็นความผิดที่เรียกว่าการยุยง ปลุกปั่น เป็นกฎหมายที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากที่สุดจนถูกเรียกว่ากฎหมายครอบจักรวาล มีองค์ประกอบหรือการตีความได้กว้างขวาง การแก้ไข จึงน่าจะกระทำได้
ส่วนกรณีตามมาตรา 112 นั้น พรรคเห็นว่ามาตรานี้ บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประมุขของรัฐควบคู่กับประวัติศาสตร์ของประเทศที่ยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การแก้ไขใดๆ มีความเห็นหลากหลายในสังคมและมีความแตกต่างกันในทางความคิดแบบสุดขั้ว อาจเรียกได้ว่าถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อกันจนยากที่จะหาบทสรุปที่เป็นไปในทางสันติและความสมานฉันท์ของคนในประเทศ นอกจากนั้นการแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและรัฐสภาที่ควรจะเป็นองค์กรรับผิดชอบ ในชั้นนี้พรรคจึงเห็นว่าการปรึกษาหารือกันในแนวทางปฏิบัติของการบังคับใช้มาตรา 112 จะเป็นทางออกทางหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาได้ในเบื้องต้นและไม่อาจกระทำได้โดยลำพังของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เห็นว่าควรสนับสนุนส่งเสริมผลักดันให้สังคมได้ร่วมกันพิจารณาประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง และหากมีผลเป็นข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเรายินดีสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดผล