เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.67 ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิทยากรร่วมบรรยาย ตอนหนึ่ง ในหัวข้อ ”สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัว“ ซึ่งได้ลงในรายละเอียดทั้งนโยบายของรัฐบาล การมองภาพรวมความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันว่า
ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กล่าวเมื่อวาน เรื่องของการผูกขาดทั้งภาครัฐและเอกชน วันนี้ต้องเข้าใจว่า อย่างเรื่องไฟฟ้า ยังมีหน่วยงานหลักและหน่วยงานสายส่ง มีหลายหน่วยงานที่ทุกคนมีสวัสดิการของตนเอง ขณะนี้ค่าไฟฟ้าของเราถือว่าแพงมากที่สุด 4 บาทกว่า วันนี้เรากำลังบอกว่าอยากได้ไฟฟ้าสีเขียว จึงไม่ควรเห็นเลข 4 บาท หรือ 3.99 บาท ต้องเป็น 3 กลางๆ ดังนั้นต้องไปนั่งรีด ว่าส่วนไหนไม่จำเป็น ไม่ต้องคิดกับประชาชน เพื่อให้ค่าไฟลดลงให้มากที่สุด
สำหรับโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" ความคิดนี้มีมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และยิ่งหัวหน้าพรรคทั้งสองเหมือนกัน ต่างกันที่ผมยาว ซึ่งในตอนนั้น เราเริ่มขยายรถไฟฟ้าหลายสาย ซึ่งมีความรู้สึกว่า คนไทยเดินทางมาทำงานต้องขึ้นรถเมล์เช้าประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง และเย็นอีก 3 ชั่วโมงครึ่ง เป็น 7 ชั่วโมง ทำให้ชีวิตครอบครัวพัง เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข จึงเป็นที่มาของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย แม้รัฐต้องลงทุนบ้าง แต่เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคนในสังคม และช่วยลดต้นทุนให้ประชาชน และทำให้การจราจรดีขึ้น PM 2.5 จะน้อยลง ซึ่งพรรคเพื่อไทย ชอบใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกได้หลายตัว เรามักจะคิดหลายชั้น
นายทักษิณกล่าวว่า เรื่อง 20 บาทตลอดสาย ใช้ได้ในหลายมิติมาก ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำ ส่วน ‘บ้านเพื่อคนไทย’ เป็นสิ่งที่เราคำนวณแล้วว่า ‘อเมริกันดรีม’ คือคนอเมริกันฝันจะมีบ้าน รวมถึงคนออสเตรเลียอยากจะมีบ้านเช่นกัน แม้ทำงานได้อย่างดี แต่ไม่มีปัญญาซื้อบ้าน เพราะเงินดาวน์มันหนี และราคาบ้านก็แพงขึ้น ดังนั้นเก็บเงินดาวส์ไม่ได้สักที
ดังนั้น เมื่อวันนี้มีที่หลวงอยู่ ไม่ได้ทำอะไร เอามาใช้สร้างบ้านให้คนไทยอยู่ดีกว่า วันนี้สิ่งที่เราจะแก้ไขคือเรื่องของ ‘ทรัพย์อิงสิทธิ์’ และมีการให้เช่าถึง 99 ปีในที่ดินของรัฐบาล เพื่อคนไทยไม่ต้องดาวน์บ้าน และเมื่อจบมาเงินเดือน 15,000 ผ่อนบ้านเดือนละ 4,000 เหลือเงินอยู่ 11,000 นั่งรถรถไฟ 20 บาท เหลือเงินอยู่เป็นหมื่น ชีวิตจะดีขึ้น และเมื่อเงินเดือนสูงขึ้น เมื่ออยากมีรถค่อยว่ากัน ซึ่งฝันจะกลายเป็นจริงทันที
นายทักษิณ เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ต้นทุนค่าก่อสร้างไม่ได้แพง จึงสามารถให้เอกชนลงทุน แล้วธนาคารอาคารสงเคราะห์มาทำไฟแนนซ์ให้ จะทำให้ประชาชนมีบ้านอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตั้งเป้าว่าจะสร้างประมาณ 1,000,000 หลัง แต่ในรัฐบาลนี้จะทำประมาณ 300,000 หลัง
“บ้านนี้ มีเฟอร์นิเจอร์และมีส้วมไฟฟ้า จึงไม่ใช่บ้านคนจน เป็นบ้านคนตั้งตัวใหม่ และคนที่อยู่สลัม ความฝันคือพรุ่งนี้ยังมีอะไรกิน เอาตังค์ไหนให้ลูกไปเรียนอย่างไร แต่เมื่อมาอยู่บ้านแบบนี้ นั่งส้วมไฟฟ้า ฝันก็ไปได้ไกล และเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองและประเทศขับเคลื่อนได้เร็วยิ่งขึ้น เราจึงอยากให้คนไทยมีฝันและเป็นฝันที่ไกลขึ้น”