วันนี้ (23 มีนาคม 2561) นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นประธานในพิธีมอบเงินสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและฝึกงานแก่ผู้พิการ ปี 2561 จำนวนเงิน 3,960,250 บาท ให้เเก่ บาทหลวง ดร.พิชาญ ใจเสรี ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ณ ห้องเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี อาคารสำนักงานใหญ่ การไฟฟ้านครหลวง

การไฟฟ้านครหลวง ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกภาคส่วนของสังคมอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง พร้อมทั้งตอบสนองตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการและปฏิบัติตามกฎหมายตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2556 นับว่าเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่สนับสนุนส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้พิการ โดยเฉพาะผู้พิการที่มีฐานะยากจนและสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก จึงได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์สนับสนุนให้กับมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ซึ่งเป็นองค์���รสาธารณประโยชน์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานรับรองโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำไปดำเนินงานด้านการฝึกอาชีพตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ผู้พิการสามารถประกอบอาชีพมีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา กฟน. ยังได้ดำเนินการรับผู้พิการเข้าทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสม ตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ พ.ศ. 2558 มาตรา 33 รวมถึงได้จัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและครอบครัวเข้ามาจำหน่ายสินค้าหรือบริการภายในบริเวณที่ทำการ พร้อมทั้งให้ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เข้ามาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลภายในบริเวณที่ทำการของ กฟน. เพื่อร่วมสนับสนุนเป็นกำลังใจให้แก่ผู้พิการและครอบครัวได้มีอาชีพที่มั่นคงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพร้อมพัฒนาสังคมต่อไป อีกทั้ง กฟน. ยังให้การสนับสนุนนักกีฬาคนพิการฯ ผ่านสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 และได้พิจารณาสนับสนุนถึงปี 2563 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักกีฬาคนพิการของประเทศไทย ทั้งการดูแลนักกีฬาคนพิการ การเก็บตัว ฝึกซ้อม เสริมสร้างประสบการณ์สู่การเข้าแข่งขันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลักดันนักกีฬาของไทยได้แสดงศักยภาพในระดับสากลต่อไป