ไม่พบผลการค้นหา
ไทยได้คะแนนต่ำติดดินในด้านความเป็นพลเมือง-คุณภาพชีวิต คือ ข้อเท็จจริงอีกครึ่งที่โฆษกรัฐบาลไม่ได้เอ่ยถึง เมื่ออ้างผลการจัดอันดับที่ว่า ไทยครองแชมป์ประเทศดีที่สุดสำหรับเริ่มธุรกิจ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่า นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พอใจกับกรณีสำนักข่าว U.S. News & World Report จัดประเทศไทยครองอันดับที่ 1 ในเรื่องการเป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มธุรกิจ ซึ่งไทยครองแชมป์ในตำแหน่งนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง (วอยซ์ทีวี, 29 มกราคม 2561)

'ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน’

ผลการจัดอันดับที่ว่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายงานชื่อ 2018 Best Countries Report ซึ่งดำเนินการโดย U.S. News ร่วมกับ Wharton School of the University of Pennsylvania และบริษัทสำรวจผู้บริโภค Y&R’s BAV Group โดยเก็บข้อมูลจากการสำรวจความเห็นของผู้ตอบกว่า 21,000 คนทั่วโลก

ทางผู้จัดอันดับได้ขอให้ผู้ตอบประเมินประเทศต่างๆ จำนวน 80 ประเทศ โดยคำนึงถึงคุณลักษณะรวม 65 ข้อ เช่น อิทธิพลทางเศรษฐกิจ อำนาจ คุณภาพชีวิต บรรยากาศทางธุรกิจ การประกอบการ

รายงานดังกล่าวจัดไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ในบรรดาประเทศที่ดีที่สุดในโลก

ประเทศที่ดีที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา เยอรมนี ตามด้วยอังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน ออสเตรเลียสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์

สำหรับประเทศในย่านเอเชียตะวันออก ปรากฏว่า สิงคโปร์มาเป็นอันดับที่ 16 จีนอันดับที่ 20 เกาหลีใต้ที่ 22 และอินเดีย 25

ประเทศที่ตามหลังไทย คือ มาเลเซีย อันดับที่ 34 อินโดนีเซีย (41) เวียดนาม (44) ฟิลิปปินส์ (49) และเมียนมา (63)

“อยากให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ ร่วมกันรักษาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับรัฐบาล” พล.ท.สรรเสริญ บอก

เมื่อไทยแลนด์ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มธุรกิจ (Best Countries to Start a Business) ไม่น่าแปลกใจที่โฆษกรัฐบาลรีบฉวยนำมาป่าวประกาศ

เพียงแต่ว่า การแถลงของโฆษก ไก่อู ยังขาดความจริงอีกครึ่ง ที่ปรากฏในรายงานฉบับเดียวกัน

คะแนนเต็มสิบ ไทยได้ไม่ถึง 1

โครงการจัดอันดับของสื่อ ร่วมกับสถาบันการศึกษา และบริษัทสำรวจตลาด ที่ว่านี้ เขาไม่ได้มองแต่มุมเศรษฐกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับมิติทางการเมือง และมิติทางสังคม ของแต่ละประเทศด้วย โดยแต่ละมิตินั้นใช้มาตรวัดหลายอย่าง

ในมิติทางการเมือง มาตรวัดอย่างหนึ่ง คือ ความเป็นพลเมือง ในมิติทางสังคม มาตรวัดอย่างหนึ่ง คือ คุณภาพชีวิต

แต่ละมิติ มีการให้ค่าคะแนนตั้งแต่ 0-10

ถ้อยแถลงของโฆษกรัฐบาล ไม่ได้เอ่ยถึงความเป็นพลเมือง กับคุณภาพชีวิต ของคนไทย

ผลการวัดประเมิน เป็นอย่างไร น่ะหรือ

มิติ ความเป็นพลเมือง ประเทศไทยได้คะแนน 0.6 โดยถูกจัดไว้ในอันดับที่ 52 ของโลก

มิติ คุณภาพชีวิต ประเทศไทยได้คะแนน 2.3 โดยถูกจัดไว้ในอันดับที่ 30 ของโลก

ส่องแว่นขยาย ‘ชีวิตคนไทย’

ในแต่ละมิติ รายงานได้แตกเป็นประเด็นย่อยต่างๆ ถ้าจาระไนทั้งหมดคงยืดยาว ขอโฟกัสเฉพาะบางหัวข้อ พอให้เห็นภาพชีวิตคนไทยในวันนี้

ในด้าน ความเป็นพลเมือง ไทยแลนด์ได้คะแนน ความเท่าเทียมทางเพศ เท่ากับ 0.9

การกระจายอำนาจทางการเมือง เท่ากับ 0.2

การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เท่ากับ 0.7

การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน เท่ากับ 0.4 

ในด้าน คุณภาพชีวิต ค่าคะแนนดูจะสอดคล้องไปในทางเดียวกัน

เสถียรภาพทางการเมือง เท่ากับ 0.3

การจัดการศึกษาโดยรัฐ เท่ากับ 0.4

การจัดบริการสาธารณสุขโดยรัฐ เท่ากับ 0.2

ความเสมอภาคของรายได้ เท่ากับ 0.5

เหล่านี้เป็นข้อมูลอีกด้าน นอกเหนือถ้อยแถลงของรัฐบาล

เป็นอีกด้านที่เราควรภาคภูมิใจด้วยไหม