ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' เตรียมสอบเจ้าของเรือ หลังกรมอุตุเตือนอากาศแปรปรวน เหตุเรือล่มภูเก็ต นำกำลังค้นหานักท่องเที่ยวสูญหาย พร้อมสั่งการให้กองทัพเรือภาค 3 นำเฮลิคอปเตอร์ -เรืออีก 10 ลำออกค้นหาผู้สูญหาย

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผย เรือล่ม 2 ลำ และเจทสกี 1 ลำ ที่ จ.ภูเก็ต ว่า จากที่ได้รับรายงานเป็นลมกระโชกแรงจนเรือเสียการทรงตัว ซึ่งก่อนหน้าจะออกเรือ สภาพอากาศปกติ แต่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนแล้วว่า วันที่ 4-6 ก.ค. จะมีสภาพอากาศแปรปรวน ลมกระโชกแรง มีคลื่นสูง แต่ก็ยังออกเรือ หลังจากนี้จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนถึงสาเหตุเรือล่มว่าน้ำหนักเกินด้วยหรือไม่ ยืนยันไต้ก๋งเรือและเจ้าของเรือมีความผิดฐานอนุญาตให้ออกเรือ โดยไม่ฟังคำเตือนกรมอุตุนิยมวิทยา

ทั้งนี้ เบื้องต้นได้สั่งการให้นำเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพเรือภาคที่ 3 และให้เรือกว่า 10 ลำออกค้นหาเรือและนักท่องเที่ยวที่ยังสูญหายอีก 58 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะติดอยู่ในตัวเรือ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเป็นนักท่องเที่ยวกี่คน และเป็นลูกเรือกี่คน ขณะที่สถานกงสุลและสถานทูตของประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยว หากมีการประสานงานเข้ามาก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่


'ประวิตร' จี้ความพร้อมกทม.รับมือฤดูฝนระบายน้ำท่วมขัง ย้ำ 'วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ'

ขณะที่ผลการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามความคืบหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาการจราจร ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามความคืบหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาการจราจร ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

โดยขอให้กทม. ติดตามและประสานการทำงานร่วมกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเมินร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ขอความร่วมมือคืนผิวจราจรถนนสายหลักทั้ง 5 สายที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการสัญจร โดยขอให้กันพื้นที่ไว้เท่าที่จำเป็นและให้คำนึงถึงความปลอดภัย กระทบการจราจรน้อยที่สุด สำหรับพื้นที่ที่คืนมา ขอให้ปรับผิวและจัดทำช่องจราจร เปิดจุดกลับรถให้เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อลดอุบัติเหตุและเพิ่มความคล่องตัวการจราจรในภาพรวม ขณะเดียวกัน ขอให้เร่งสำรวจและซ่อมปรับผิวการจราจรที่ชำรุด หรือ เป็นปัญหาของอุบัติเหตุในภาพรวม จากการเสียการทรงตัวและการชะลอตัวของรถ เช่น บริเวณตอม่อทางด่วน ท่อระบายน้กลางถนน จุดตัดทางรถไฟ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ กทม.เตรียมการให้พร้อมรับมือกับน้ำท่วมในฤดูฝน โดยวางแผนเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด ปิดช่องว่างและข้อจำกัดที่เป็นปัญหาของน้ำท่วมขังในพื้นที่ที่เคยเกิดปัญหา พร้อมกับสั่งการให้ตำรวจ ต้องลงมาช่วยกันดูแลปัญหาและอำนวยการจราจรในพื้นที่เมื่อน้ำท่วมขัง โดยย้ำว่า “วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ” การแก้ปัญหาจราจรเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องบูรณาการขับเคลื่อนและประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผ่าน “ศูนย์ควบคุมสั่งการและแก้ไขปัญหาจราจร” โดยเฉพาะการสร้างวินัยจราจร ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นมาตรการทางกฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการรณรงค์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องมีการประเมินผลเปรียบเทียบและปรับแผนตามระยะเวลา ควบคู่กับการรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนในพื้นที่ต่อเนื่องกันไป

อ่านเพิ่มเติม