ไม่พบผลการค้นหา
'ไต้ฝุ่นมังคุด' จะพัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ในช่วงเช้าวันเสาร์ (15 ก.ย.) ที่จะถึงนี้ หลังจากที่สร้างความเสียหายให้แก่เกาะกวมและเกาะมาร์แชลในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้ และจะพัดต่อไปยังทะเลจีนไต้ ขณะที่ฮ่องกงประกาศยกเลิกเที่ยวบิน และหลายสายการบินประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมเปลี่ยนเส้นทางการบินในช่วงไต้ฝุ่น

ฟิลิปปินส์ประกาศเตือนซูเปอร์ไต้ฝุ่น 'มังคุด' ที่จะพัดขึ้นฝั่งในช่วงเช้าวันเสาร์ที่จะถึงนี้ อาจก่อให้เกิดดินถล่มในเขตจังหวัดคากายาน บนเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของประเทศ และประชาชนกว่า 4 ล้านคนจะได้รับผลกระทบจากพายุลูกดังกล่าว

ไต้ฝุ่นมังคุดได้ยกระดับเป็นไต้ฝุ่นระดับ 5 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ก.ย.) มีความเร็วลม 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่และรุนแรงที่ของปี 2018

ทั้งนี้ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ไต้ฝุ่นมังคุดได้พัดผ่านเกาะกวมและเกาะมาร์แชลในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและไฟฟ้าดับ ทำให้หลายพื้นที่ของเกาะยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้จนถึงปัจจุบัน

ศูนย์ประสานงานเตือนภัยภัยพิบัติโลก(GDACS) ประเมินว่า พายุไต้ฝุ่นลูกนี้จะสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบให้ประชาชนกว่า 36.7 ล้านคน ทั้งในฟิลิปปินส์ ฮ่องกง มาเก๊า จีน และเวียดนาม

ทั้งนี้ หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นมังคุดพัดขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์ช่วงสุดสัปดาห์ ก็จะพัดต่อไปทางทะเลจีนใต้ โดยไต้หวัน จีนทางตอนใต้ และฮ่องกง จะได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้เช่นกัน 

000_1933FK.jpg

(ประชาชนฟิลิปินส์บนเกาะลูซอนกำลังเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนเพื่อเตรียมรับมือไต้ฝุ่นที่กำลังจะมาถึง)

ขณะที่ทางการฮ่องกงได้มีการประกาศเตือนประชาชนให้พร้อมรับมือกับพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ เพราะคาดว่าจะเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีที่ฮ่องกงต้องเผชิญ ส่วนสายการบินหลายสายของฮ่องกง รวมถึงคาเธ่แปซิฟิก ได้ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนตั๋วโดยสารหรือเปลี่ยนเส้นทางการบินที่บินออกจากฮ่องกงในช่วงระหว่างที่พายุไต้ฝุ่นลูกนี้พัดเข้าฮ่องกงในช่วงสุดสัปดาห์นี้จนถึงต้นสัปดาห์หน้าอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อปี 2559 ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นไหหม่า สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนกว่า 14,000 หลัง และประชาชนได้รับผลกระทบจากพายไต้ฝุ่นนี้กว่า 50,000 ครอบครัวในทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ขณะที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเมื่อปี 2556 ได้คร่าชีวิตประชาชนฟิลิปปินส์ไปกว่า 6,000 คน 

ทีี่มา CNN / Bloomberg