กัญจน์ ภักดีวิจิตร ผู้จัดละครค่าย 'อาหลอง กรุ๊ป' และนักแสดง เป็นบุตรชายคนโตของศิลปินแห่งชาติและผู้กำกับชื่อดังของช่อง 7 'ฉลอง ภักดีวิจิตร' จะมาปรากฎตัวอีกครั้งในละคร 'อังกอร์ 2018' ในบทบาทที่หลายคนคุ้นเลย 'นักปิ้งไก่ในตำนาน'
"ก็รู้สึกดีนะที่เขาไม่ลืมเราอ่ะ กี่ปี กี่ชาติ กี่ภพแล้วก็ไม่ลืมสักที เป็นสิบๆ ปีละ เดี๋ยวพอมีกระแสโน่น กระแสติดถ้ำก็เอารูปไปลง ให้คนมาตามตัว ไปหาคนติดถ้ำ มีหลายกระแสมาก พอหนังเรื่องอเวนเจอร์ออก ก็เอารูปเราไปลง ก็ดีครับ ดีใจที่เขาไม่ลืม" กัญจน์ กล่าวพลางหัวเราะ
กัญจน์ เล่นละครเรื่องแรกคือ 'ระย้า' ทางช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2541 ตอนนั้นอายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศใหม่ๆ ยังไม่มีอะไรทำ คุณพ่อจึงชักชวนมาเล่นละคร รับบทเป็น 'แก่น' เพื่อนพระเอก ที่คอยช่วยเหลือตัวละครหลักในขบวนการเสรีไทยเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหลังจากนั้นมา เขาก็รับบทเพื่อนพระเอก หรือตัวละครฝ่ายดีที่จะมาช่วยพระเอกคลี่คลายปมปัญหา หรือแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินมาโดยตลอด
เขาเล่าว่า ตอนเด็กก็ตามคุณพ่อคุณแม่ไปกองถ่ายหนัง กองถ่ายละคร ก็คลุกคลีกับวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก มันจึงซึมซับเข้ามาอยู่ในสายเลือด ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกได้ว่าคุณพ่อมักจะให้ตนเล่นบทในลักษณะนี้มาโดยตลอด และที่ทำให้เป็นที่รู้จักในฐานะ 'นักปิ้งไก่' ผู้คอยให้ความช่วยเหลือพระเอก ก็มาจากละครเรื่อง อังกอร์ 1, อังกอร์ 2, เสาร์ 5, และเสาร์ 5 ตอน ทับทิมสยาม
แม้ว่าแต่ละเรื่องที่มีฉากที่ตนปิ้งไก่ชงกาแฟในป่าไม่มากนัก แต่ด้วยความโด่งดังของละคร และการปรากฎตัวในคาแรคเตอร์เดิมๆ จึงทำให้คนจดจำตนในลักษณะนี้ ซึ่งกัญจน์ เปิดเผยว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนเรียกร้องบทลักษณะนี้จากพ่อ แต่พ่อจะเขียน หรือดูบทแบบนี้มาให้ แต่ถ้าถามว่าเบื่อไหม กัญจน์ตอบว่าไม่เบื่อ เพราะแต่ละเรื่องก็มีความท้าทายของที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ตนเคยบอกกับคุณแม่ว่าอยากเล่นละครแนวอื่นๆ บ้างที่ไม่ต้องบู๊แบบนี้ แต่คุณแม่ก็ให้เหตุผลว่า เพราะคุณพ่อทำแต่ละครบู๊ ส่วนเรื่องไก่ย่าง ตนเคยถามคุณพ่อ และได้คำตอบว่า "บอกเลย เสบียงไม่มีหมด ไม่ต้องถาม ไก่ย่างก็ไก่ป่าไง ไก่กระทา ไก่ต๊อกก็หามา" แต่เรื่องกาแฟที่มีชงดื่มตลอดทั้งเรื่องตนไม่เคยถามคุณพ่อ
"ตอนแรกที่เขาเริ่มแซวกันใหม่ๆ ก็มีนอยด์ๆ บ้าง แต่พอผ่านไปก็เริ่มชิน ไม่นอยด์ เดี๋ยวนี้หัวเราะ พอเพื่อนส่งมาก็หัวเราะ ก็เล่นกัน ส่วนใหญ่คนที่เจอเราเขาจะเรียกพี่ปิ้งไก่ เมื่อวานไปตึกแกรมมี่มาก็มีคนเรียกว่าพี่กัญจน์ ปิ้งไก่ เหมือนเป็นซุป'ตาร์เลย เข้ามาขอถ่ายรูปเต็มเลย" กัญจน์กล่าวด้วยรอยยิ้มแบบเขินๆ
(ผา ในละครอังกอร์ ปี 2543)
(ผาภูมิ ในละครอังกอร์ 2 ปี 2548)
(ผา และผาด ในละครอังกอร์ 2018)
บทบาทของกัญจน์ในละครอังกอร์ทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมา อังกอร์ 1 รับบทเป็น 'ผา' เด็กชาวป่าที่หนีหมีมาเจออังกอร์ และพาพระเอกและพวกไปหากริชเงิน อังกอร์ 2 รับบทเป็น 'ผาภูมิ' นายอำเภอญาติผู้ใหญ่ของผา ทำหน้าที่พาพระเอกและพวกไปหากริชเงิน และ อังกอร์ 2018 รับบทเป็น 'ผาด' หัวหน้าหมู่บ้าน พี่ชายของผา มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากว่าทุกภาค แต่ก็จะเป็นคนพาพระเอกและพวกไปหากริชเงินเช่นกัน ส่วนผาในภาคนี้จะให้นักแสดงใหม่ของช่อง 3 มาเล่นแทน
ส่วนภาคนี้จะได้เห็นกัญจน์ปิ้งไก่หรือไม่? กัญจน์ตอบว่า "ถึงไม่ปิ้งก็มีคนอื่นปิ้งให้ แต่คงจะมีนิดๆ หน่อยๆ ทั้งปิ้งไก่และชงกาแฟ แต่ไม่เยอะแยะ ต้องไปดู" แต่ถ้าถามว่าชอบตัวเองในเรื่องไหนมากที่สุด กัญจน์บอกว่า "หูย ชอบทุกภาคนะ เพราะทุกภาคมันทำให้เรามีชื่อเสียงหมดเลย ตั้งแต่ภาคแรกเลยอ่ะ" เมื่อถามว่าแล้วแต่ละเรื่องปิ้งไก่เยอะไหม? กัญจน์พูดติดตลกว่า "ภาค 1 ไม่เยอะเลย แต่ที่เยอะคือภาค 2 กับเสาร์ 5 ผมปิ้งบ้าง คนอื่นปิ้งบ้าง มีทั้งปิ้งทั้งชงกาแฟกันทั้งเรื่อง คือเรื่องมันอยู่ในป่าไง มันก็ต้องกินโน่นนี่ กินกาแฟ ถ้าไม่ปิ้งไก่ จะให้กินข้าวเหรอ? ข้าวเหนียวจะหาจากไหน? ฮ่าๆๆ"
แต่ตัวจริงๆ เขาไม่เคยก่อไฟในป่า เคยแต่ก่อไฟปิ้งย่างบาร์บีคิว และอาหารที่ชื่นชอบก็คือไก่ย่าง ส้มตำ ส่วนบทบาทที่อยากเล่นจริงๆ น่าจะเป็นละครแนวดราม่า เพราะต้องใช้ทักษะการแสดงสูง
ความต่างของละครอังกอร์ 2018 กับอังกอร์ที่ผ่านๆ มา เนื้อเรื่องของเรื่องนี้เหมือนเดิม แต่ที่ต่างไปคือมุมภาพ แสง กราฟิก และเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก นอกจากนี้ยังมีสัตว์เพิ่มเติมจากเรื่องเดิม เช่น เสือดำ หรืองูบินได้ ซึ่งท้าทายตนเองในฐานะนักแสดง เล่นกับอะไรที่ไม่เคยเล่น ต้องจินตนาการเองจากซีจี แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นลายเซ็นของค่ายอาหลอง คือ บู๊ที่สมจริงสนุกสนาน ตามคอนเส็ปต์ 'ระเบิดภูเขา เผากระท่อม' ซึ่งกัญจน์ เปิดเผยว่า ช่วงแรกก็มีความกดดันว่าจะทำละครเรื่องนี้ออกมาอย่างไรให้คนดูชื่นชอบ เพราะอังกอร์ 1 ที่คุณพ่อสร้างไว้ดีมาก ตนและน้องๆ จึงพยายามยึดถือแนวทางของคุณพ่อในการทำงาน
กัญจน์เล่าว่า ตลอดเวลาที่ตามคุณพ่อไปทำงาน คุณพ่อจะไม่ค่อยพูดหรือสอนอะไรเราเป็นพิเศษ แต่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยตัวเองมาตลอด เช่น ตื่นเช้ามาคิดฉาก และทำการบ้านกับบทละคร และเดินไปดูโลเคชั่นเองทุกที่ แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณพ่อยึดถือ คือการตั้งใจทำงาน ทำละครให้สมจริง ไม่ขอไปที และต้องทำงานละเอียด ผลงานทุกชิ้นของพ่อ และค่ายจึงมีจิตวิญญาณ นี่คือสิ่งที่ กัญจน์-แก้ว-กู๊ด ลูกๆ ทั้ง 3 คนของ ฉลอง ภักดีวิจิตร ยึดถือในการทำงาน