ท่ามกลางการจับตาผลงานของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่เข้าตาจนได้ต่ออายุราชการหรือไม่ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียง ‘ข่าวลือไร้มูล’ เป็นเพียง ‘ข่าวปล่อยหวังผล’ เท่านั้น

เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ ก็อยู่ระหว่าง ‘ผ่องถ่าย’ ทั้งงานและตำแหน่งให้กับ ‘บิ๊กบี้’ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่เตรียมเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป โดยเป็น ตท.22-จปร.34 เกษียณฯปี 66 อีกทั้งเติบโตมาในสาย พล.1 รอ. ด้วยกัน แต่ต่างกันที่ พล.อ.อภิรัชต์ โตมาจาก ร.11 รอ. ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ โตมาจากหน่วย ร.31 รอ. หรือหน่วยหมวกแดง พล.1 รอ.

โดย พล.อ.อภิรัชต์ จะเกษียณฯในตำแหน่ง ผบ.ทบ. เดือนก.ย.63 แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) และนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธุ์ เป็นหัวหน้าสำนักงาน ฉก.ทม.รอ.904 และเป็น นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทอ.รอ.) ด้วย

ทั้งนี้หากดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีมูลเหตุใดให้ พล.อ.อภิรัชต์ ใช้เป็นเหตุผลในการต่ออายุราชการ ด้วยสถานการณ์การเมืองกับกองทัพที่เรียบนิ่ง มีเพียงความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองที่เป็นปกติในทุกยุคการเมือง ซึ่งการเคลื่อนไหวก็ยังอยู่ในวงที่ฝ่ายความมั่นคงรับมือได้ แม้จะมีประเด็นที่ ‘แหลมคม’ หรือ ‘ล้ำเส้น’ ให้หวาดเสียวอยู่บ้าง 

อีกทั้งการต่ออายุราชการย่อมเกิดกระแสต่อต้านจากสังคมและทำให้เสีย ‘ระบบบังคับบัญชา’ ภายใน ทบ. เองด้วย เพราะถ้า พล.อ.อภิรัชต์ ไม่ขยับออก รุ่นเพื่อนรุ่นน้องใน ทบ. ที่ต่อคิวขยับก็จะตำแหน่งตันหรือขยับได้ไม่ทั้งหมด 

อย่างไรก็ตามก็มีการมองว่าการมีข่าวปล่อยใน ทบ. เรื่องการ ‘ต่ออายุราชการ’ ของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ทำให้อาการ ‘เกียร์ว่าง’ ใน ทบ. ลดลงด้วย ตามสภาวะ ‘นายเก่าไป-นายใหม่มา’ ที่เป็นในทุกองค์กร

(พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้)

หาก พล.อ.อภิรัชต์ ต่ออายุราชการก็จะเป็น ‘มาตรฐาน’ ที่ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ จะต้องนำมาพิจารณาหรือไม่ รวมทั้งจะเป็นมาตรฐานในอนาคตหรือไม่ แน่นอนว่าจะนำมาซึ่ง ‘การเสียระบบ’ ภายในกองทัพในภาพรวม ดังนั้น พล.อ.อภิรัชต์ จึงจะเกษียณฯก.ย.นี้ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เมื่อถึงเวลานั้น พล.อ.อภิรัชต์ ก็ยังคงให้ ‘คำปรึกษา-คำแนะนำ’ แก่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้อยู่

ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ ก็เคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ มานาน อีกทั้งเคยลงไปอยู่ จ.ชายแดนภาคใต้ ด้วยกัน ที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 14 จ.ยะลา ช่วงปี2547-2548 โดยขณะนั้น พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจที่ 14 จึงได้เห็นฝีมือกันมานาน

เรียกได้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์แต่งตัวรอแล้ว อีกทั้งช่วงนี้ทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็อยู่ระหว่างเตรียมงานต้อนรับการเยือนไทยของ พลเอก เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ช่วง9-10ก.ค.นี้ ในฐานะแขกของ ทบ.

(พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้)

ที่สำคัญ คือ บุคลิกที่นิ่งเงียบของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ นั้นมีมากกว่า พล.อ.อภิรัชต์ นับตั้งแต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนมาสู่ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ก็โลว์โปร์ไฟล์เป็นอย่างมาก จนยากจะจับทางและความเคลื่อนไหว

ในยุคนี้เรื่อง ‘การต่ออายุราชการ’ ในกองทัพไม่มีแล้ว

หากย้อนอดีตไปการต่ออายุราชการเกิดขึ้นในยุคทหารครองเมืองและยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เช่น การต่ออายุราชการ จอมพลถนอม กิตติขจร , จอมพลประภาส จารุเสถียร , ‘ป๋าเปรม’ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่ออายุราชการตำแหน่ง ผบ.ทบ. 1 ปี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2523 ก่อนที่ ‘ป๋าเปรม’ จะลาออกเอง เมื่อวันที่ 25ส.ค. 2524

และ ‘บิ๊กซัน’พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ต่ออายุราชการตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. 1 ปี แต่เมื่อ 27พ.ค. 2529 ถูกปลดจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. เหลือเพียงตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ที่อยู่จนเกษียณฯ 30 ก.ย. 2529 โดยมีปัจจัย ‘การเมือง’ ทั้งในและนอกกองทัพเป็นแรงบีบ

สถานการณ์ในปัจจุบันที่ทั้ง ‘รัฐบาล-กองทัพ’ เป็นเอกภาพ อีกทั้งมี ‘ทายาท’ อย่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็ทำให้ทุกอย่าง ‘ผ่องถ่าย’ ไปด้วยความราบเรียบ อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะเป็น ผบ.ทบ. ยาว 3 ปี ซึ่งหมายความว่าครบวาระ 4 ปี ในการเป็น นายกฯ จากการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

ในส่วนของ ‘ทายาท ผบ.ทบ.’ ที่มีการวางไว้ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ เช่น ‘บิ๊กต่อ’ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) แม่ทัพน้อยที่ 1 และ รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่เป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 1 ในโผทหารต.ค.63 โดย พล.ท.เจริญชัย จะเกษียณฯปี2567 

จากนั้นคือ ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) รองแม่ทัพภาคที่ 1 และ รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ลุ้นขึ้นเป็น ‘แม่ทัพน้อยที่ 1’ ติดยศพลโท ในโผโยกย้ายต.ค.นี้ เตรียมขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต

โดย พล.ต.ทรงวิทย์ เกษียณฯ ปี 2568 แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ พล.ต.ทรงวิทย์ จบจาก โรงเรียนนายร้อยเวอร์จิเนียร์ (Virginia Military Institute - VMI) ที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. หรือไม่ เพราะไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย จปร. หากสามารถทำได้ เท่ากับว่าได้เปลี่ยนม่านประเพณี ทบ. ไปด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งชี้ชัดว่า โอกาสที่ พล.อ.อภิรัชต์ จะต่ออายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ. แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

แต่สิ่งสำคัญกว่าอยู่ที่ยทบาทและสถานะของ พล.อ.อภิรัชต์ ในอนาคต จะต้องมาเป็น ‘ทายาทการเมือง’ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่