พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกของมาเลเซีย จากดาโต๊ะ ซัมซามิน เป็น โมหะหมัด ราฮิม นัวร์ อดีตผู้การสันติบาล และอดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียว่า ขณะนี้ทางประเทศไทยกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ว่าจะทำอย่างไร ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล ยืนยันว่าจะพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งทางไทยยังไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนตัวหรือไม่ เพราะรัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และมีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด อีกทั้งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนใหม่ยังมีความเห็นว่าจะต้องดำเนินการให้ความสะดวกกับประเทศไทยให้มากที่สุด และประมาณปลายเดือน ต.ค.นี้ ตนเองจะมีโอกาสกับปะกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์กลุ่มเปอร์มัสเยาวชน จ.ปัตตานี ขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ภาคใต้ว่า ตนเองพูดไปหลายครั้งแล้วว่าในพื้นที่ใดก็ตามและทุกประเทศในโลกก็มีการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่งคงทั้งสิ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ และไม่ได้ใช้อำนาจพิเศษตลอดเวลา แต่จะใช้เมื่อมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น หากเจ้าหน้าที่คนใดปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือเกินกว่าเหตุ และละเมิดสิทธิมนุษยชนสามารถร้องเรียนได้ ซึ่งมีกฏหมายหลายตัวคุ้มครองอยู่ ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่มีความผิดจริงต้องถูกลงโทษ และที่บังคับใช้กฎอัยการศึกไม่ใม่ใช้ทุกพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และใช้บางพื้นที่เท่านั้น เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่ดี หากมีกลุ่มที่จ้องทำสิ่งที่ไม่ดีและทำความผิด จึงจำเป็นต้องมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ เนื่องจากกฏหมายปกติอาจจะทำไม่ได้ ทั้งนี้ คนในพื้นที่ก็ต้องมีกฏอัยการศึก เพราะต้องให้มีความสงบเรียบร้อย และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จึงต้องรับฟังคนในพื้นที่ด้วย และไม่ใช่ฟังนักศึกษาอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขอฝากคนในพื้นที่ทำความเข้าขใจกับนักศึกษาว่าอย่าขัดแย้งหรือใช้ความรุนแรงต่อกัน
แถลงการณ์เปอร์มัส หวั่นคงกฎอัยการศึกละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยก่อนหน้านี้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (เปอร์มัส) ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลไทย เนื่องในในวันสันติภาพสากล เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ที่เป็นกฎหมายเอื้อต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหล่อเลี้ยงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ลดเงื่อนไขความหวาดกลัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงทางการเมืองอย่างเสรี ขอให้พรรคการเมืองต่างๆ ร่วมผลักดันให้การเจรจาสันติภาพปาตานี เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสะท้อนเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลอย่างแท้จริง
ขอให้มาเลเซียทบทวนการแต่งตั้งผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยคนใหม่ เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเอื้ออำนวยให้เกิดกระบวนการเจรจาสันติภาพ ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล นำ���ปสู่การมีคนกลางที่ได้รับการยอมรับจากคู่ขัดแย้งและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ และขอให้ประชาชนไทยและประชาชนปาตานี ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพ ที่วางอยู่บนฐานการเคารพสิทธิทางการเมืองของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง