ไม่พบผลการค้นหา
ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษาจำคุก 'สุรพงษ์' ไม่รอลงอาญา คดีออกหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไปให้ 'ทักษิณ' ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ชี้การกระทำบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์กฎหมาย ทำให้คำพิพากษาศาลไทยอ่อนแอ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.51/2560 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ จำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริตในการสั่งการเกี่ยวกับการออกหนังสือเดินทางประเทภบุคคลทั่วไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยศในขณะนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1

โดยศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่า จำเลยตระเตรียมการเพื่ออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยศขณะนั้น ตั้งแต่ชั้นรับคำร้องขอพิจารณาเสนอควาสมเห็นและสั่งการเพื่อปลดรายชื่อออกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่ต้องตรวจสอบก่อนออกหนังสือเดินทางและปลดล็อกในระบบคอมพิวเตอร์โดยปกปิดซ่อนเร้นเรื่อยมา อันเป็นการฝ่าฝืนต่อแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 โดยจำเลยอ้างนโยบายของรัฐบาลที่ไม่มีอยู่จริงและไม่ปรากฎว่าคณะรัฐมนตรีได้เข้ามารู้เห็นเกี่ยวข้องส่งผลโดยตรงใหกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่ากับว่าจำเลยในฐานะรัฐมนตรีกระทำการสนับสนุนช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และหลบหนีหมายจับในคดีข้อหาความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ สามารถเดินทางในต่างประเทศโดยสะดวก อยู่ในต่างประเทศไม่ผิดกฎหมาย และรัฐบาลไทยไม่อาจขอให้รัฐบาลประเทศนั้นขับออกจากประเทศหรือส่งผู้ร้ายข้ามแดน อันเนื่องจากเหตุที่ไม่มีหนังสือเดินทางได้ ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมและคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยอ่อนแอ และไม่มีสภาพบังคับตามลำดับ 

นอกจากนี้ยังส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของไทยในสายตาประชาคมโลก ซึ่งกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ อันเป็นการกระทำโดยมิชอบและโดยทุจริต 

พิพากษาโดยองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากว่า จำเลยมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 เป็นการกรนะทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลซึ่งหลบหนีให้สามารถเดินทางในต่างประเทศได้สะดวก และเป็นผลบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ

ศาลปล่อยตัวชั่วคราวให้วางเงิน 5 ล้าน เหตุสุขภาพไม่ดี

ด้านนายปรีชา ศรีเจริญ ทนายความของนายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักประกันเป็นเงินจำนวน 5 ล้านบาท เนื่องจากทีมทนายความกล่าวว่านายสุรพงษ์สุขภาพไม่ดี ต้องฉีดยาทุกวัน อย่างไรก็ตามศาลห้ามนายสุรพงษ์ เดินทางออกนอกประเทศ และทางทีมทนายความเองจะยื่นอุทธรณ์ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรา 60 ภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีคำตัดสินของศาล

สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 180619_Sek_53.jpg


ศาลฎีกา จำคุกสุรพงษ์ 43528.jpg

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง