นายยุทธนา หยิมการุณ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ตรวจกระทรวงการคลังได้ทำแผนการตรวจการทำงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการเก็บภาษีและการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัว เศรษฐกิจมากที่สุด
สำหรับการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรมี เป้าหมายเก็บภาษี 1.9 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 6 แสนล้านบาท กรมศุลกากร 1.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะได้ตามเป้าหมาย โดย ในเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ทางกรมสรรพากรสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายยุทธนากล่าวว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญการเก็บภาษีของกรมสรรพากร โดยให้เร่ง ไปแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากร เพื่อขยายฐานการเก็บภาษีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการออกกฎหมาย (พ.ร.บ.) เก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์(e-Business) หรือภาษี อี-คอมเมิร์ซ ที่มีปัญหาต้องเปิดรับฟังความเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ทำให้การออกกฎหมาย ล่าช้า ส่งผลให้การเก็บภาษียังมีช่องโหว่รั่วไหลและอาจทำให้การเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย
"กระทรวงการคลังสนับสนุนกรมภาษีเรื่อง การขยายฐานภาษีอย่างเต็มที่ทั้งงบประมาณและอุปการณ์ เทคโนโลยี รวมถึงการผลักดันการออกกฎหมาย เพื่อให้ เก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ปลัดกระทรวง การคลังให้ความสำคัญอย่างมาก" นายยุทธนา กล่าว
นอกจากนี้คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังยังให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ที่กำกับดูแลโดยสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ให้ได้ตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) กำหนดไว้ว่า ต้องได้ 95% เนื่องจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 2560 มีสูงถึง 5 แสนล้านบาท
สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ปี 2560 ยังล่าช้า ในภาพรวมเบิกจ่ายได้ประมาณ 70% ของงบลงทุนเท่านั้นเนื่องจากมีงบลงทุน รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เบิกจ่ายล่าช้าได้ 50-60% ของงบที่ได้รับ อนุมัติไว้เท่านั้นทำให้ดึงภาพรวมของการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไปด้วย เนื่องจากร.ฟ.ท. เป็น 1 ใน 15 รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนงบลงทุนถึง 90% ของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้งหมด
อย่างไรก็ตามได้กำชับให้สคร.กำกับดูแลการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่ ครม. เห็นชอบไว้โดยให้วัดผลการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งในเชิงปริมาณคือให้ได้ตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดและเชิงคุณภาพคือเงินลงทุนช่วยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างคุ้มค่าเงิน
ส่วนการตรวจการดำเนินงานของหน่วยราชการ กระทรวงการคลังทางผู้ตรวจกระทรวงการคลังจะเริ่ม ลงพื้นที่ตรวจในเดือนธันวาคม 2560 ซึ่งไม่ใช่เป็นการ เดินทางไปตรวจเยี่ยม แต่จะเป็นการตรวจการทำงานว่า หน่วยงานมีปัญหาอุปสรรคอะไรที่กระทรวงการคลังจะ เข้าไปช่วยแก้ไข เพื่อให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตาม เป้าหมายที่หน่วยงานทำสัญญาไว้กับกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะการเก็บภาษีและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ