ดูเหมือนว่ายิ่งดึกขึ้นเท่าไหร่ 'Ne' บาร์เล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านที่พักนักท่องเที่ยวใจกลางกรุงฮานอย ก็ยิ่งคึกคักมากขึ้นเท่านั้น หลังเปิดให้บริการเมื่อ 10 เดือนก่อน
ทุกคืนนักดื่มนานาชาติต่างเดินทางมาที่นี่เพื่อลิ้มรส 'ค็อกเทลเฝอ' เมนูดังประจำฮานอย ที่นอกจากจะมีจุดขายคือความแปลกใหม่แล้ว ยังมีเรื่องราวทางสังคมผสมปนเปกันอยู่ด้วย
บาร์เทนเดอร์หนุ่มกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่มอย่างขะมักเขม้น ในมือถือถาดไม้ไผ่ที่ข้างในมีแก้วเอียง 45 องศาวางอยู่ ซึ่งเห็นชัดแต่ไกลว่า มันคือเครื่องดื่มสีใสที่โรยหน้าด้วยผักชีเขียว ข้างๆ มีจานเครื่องเคียงเล็กๆ ใส่พริกและเกลือวางอยู่ ทั้งหมดมาพร้อมกับตะเกียบคู่หนึ่ง ให้บรรยากาศราวกับว่าคุณกำลังสั่งเฝอชามใหญ่ที่ร้านข้างถนนที่ไหนสักแห่ง
ทว่าเฝอแก้วนี้ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยน้ำแข็ง
'ฟาม เทียน เทียบ' เจ้าของร้านทักทายลูกค้าด้วยท่าทีเป็นกันเองพลางแนะนำเมนูที่ฟังไม่คุ้นหู ทั้ง Under the Bridge ค็อกเทลที่มีส่วนผสมคือน้ำปลาและไข่ขาว หรือ Father’s Gifts ที่เลือกใช้สมุนไพรสำหรับรักษาผู้สูงอายุมาชงกับเหล้า
หลายปีมานี้ 'เทียบ' ได้กลายเป็นนักชงเหล้ามือดีที่สุดคนหนึ่งประจำเมืองหลวงแห่งนี้ไปแล้ว และชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็เรื่มต้นจากดาราเด่นอย่างค็อกเทลเฝอนั่นเอง
'เทียบ' คิดค้นสูตรเฝอค็อกเทลเมื่อ 6 ปีก่อน โดยหวังให้เป็นทั้งการเฉลิมฉลองอาหารดังของเวียดนามและเป็นไดอะรี่บันทึกความทรงจำส่วนตัว เขาเล่าว่าเติบโตมาในครอบครัวฐานะยากจนจากต่างจังหวัด โดยตัดสินใจเดินทางเข้ามาหางานทำที่ฮานอยสมัยยังเป็นวัยรุ่น ช่วงแรกๆ ต้องนอนหลบลมหลบฝนใต้สะพาน จากนั้นได้เข้าไปทำงานในร้านเฝอ และต่อมาจึงได้งานในโรงแรมหรู ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้เรียนรู้วิธีการชงค็อกเทล
"ชีวิตของผมเกี่ยวพันกับอาหารริมทาง เพราะบางช่วงเวลายากลำบาก เราต้องอาศัยสตรีทฟู้ดเพื่อประทังชีวิต แค่มีเฝอชามนึง ... มันก็เป็นเหมือนความฝันแล้ว" เทียบ กล่าว
แต่เขาบอกว่า กว่าจะสกัดกลิ่นให้ได้อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาลองนำวัตถุดิบหลายอย่างมาผสมกันจนสุดท้ายมาลงตัวที่อบเชย กระวาน โป๊ยกั๊ก และผักชี เมื่อมาผสมกับเหล้ายิน (gin) แล้ว จึงได้กลิ่นเฝอที่แทบไม่ต่างไปจากของจริง
"เวลาที่คุณดมกลิ่นแรกที่ได้คือเฝอ และหลังจากนั้นจะเป็นเครื่องเทศอื่น" เขาเปรียบเทียบว่าการดื่มค็อกเทลที่ร้านของเขาก็เหมือนกับการ 'เดินทาง' ไปสู่เส้นทางแห่งการลิ้มรส
นอกจากนี้ เขายังเพิ่มสีสันให้กับเมนูด้วยการเทเหล้าลงในกรวยที่จุดไฟลุกโชน โดยไฟจะให้กลิ่นไหม้เล็กน้อยคล้ายกับเวลาทำอาหาร ซึ่งสำหรับเขา ขั้นตอนนี้ยังเป็นการระลึกถึงโรงแรมที่เขาเคยทำงาน ซึ่งในช่วงสงครามเวียดนามเคยถูกเครื่องบินสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดใส่
อย่างไรก็ดี 'เทียบ' บอกว่า ยังคงต้องใช้เวลาที่จะทำให้คนฮานอยส่วนใหญ่หันมาดื่มค็อกเทลกันมากขึ้น เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าคนเวียดนามมีวัฒนธรรมสังสรรค์โดยการดื่มเบียร์ในโรงเบียร์หรือที่เรียกว่า 'เบียร์ เฮย' ซึ่งมีอยู่ทุกมุมเมืองมากกว่า
แต่สำหรับชาวต่างชาติและชาวเวียดนามรุ่นใหม่ เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารข้างถนนกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยลูกค้าประจำคนหนึ่งของร้านบอกว่า เขาคิดว่าการทำให้เฝอกลายมาเป็นเวอร์ชั่นค็อกเทล จะช่วยให้อาหารท้องถิ่นเป็นที่รู้จักระดับสากลมากขึ้น
ด้านนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันคนหนึ่งเอ่ยปากชมว่า เธอชอบทานเฝอมากๆ ตลอดทั้งทริปในเวียดนามครั้งนี้ "... แต่ฉันคิดว่าฉันชอบค็อกเทลเฝอ มากกว่าเฝอจริงๆ เสียอีก"