ไม่พบผลการค้นหา
โพลชี้คะแนนนิยม 'ชินโซ อาเบะ' นายกฯ ญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลัง ครม.ถูกกล่าวหาในคดีอื้อฉาวหลายเรื่อง ทำให้อดีตนายกฯ กดดันอาเบะลาออก เพื่อลดแรงต่อต้านรัฐบาล

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าผลสำรวจคะแนนนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีแห่งพรรคแอลดีพี ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ (16 เม.ย.) เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่นายอาเบะรับตำแหน่งเมื่อปี 2555 โดยผลสำรวจของ 'นิปปอนทีวี' ระบุว่านายอาเบะมีคะแนนนิยมร้อยละ 26.7 ส่วนผลสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮีระบุว่านายอาเบะมีคะแนนนิยมร้อยละ 31 

สาเหตุหลักที่ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลนายอาเบะตกต่ำลง เนื่องจากเขาและภริยาถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ แทรกแซงกิจการของรัฐบาล เพื่อให้อนุมัติการจัดตั้งโรงเรียนเอกชน 2 แห่งที่เป็นกิจการของพรรคพวกนายอาเบะและภริยา โดย 1 ใน 2 ของโรงเรียนที่ตั้งใหม่ ถูกกล่าวหาว่าได้รับความช่วยเหลือจากนายอาเบะและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้สามารถซื้อที่ดินของรัฐได้ในราคาต่ำกว่าเกณฑ์ 

ญี่ปุ่นประท้วงผู้นำ ชินโซ อาเบะ

(ผู้ชุมนุมชูป้ายที่กล่าวหาว่านายอาเบะเป็นคนโกหก ทั้งยังเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งโดยเร็ว)

นายอาเบะแถลงยืนยันว่าเขาและภริยาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขายที่ดิน และไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงกิจการของรัฐบาลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง แต่ประชาชนจำนวนมากยังไม่พอใจ และออกมาชุมนุมเรียกร้องให้นายอาเบะลาออกจากตำแหน่ง

นอกจากนี้ นายจุนอิจิ ฟุคะดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังถูกนิตยสารรายสัปดาห์ของญี่ปุ่นเผยแพร่บทความโจมตีว่าเขาเคยลวนลามนักข่าวหญิงมาแล้วหลายราย ซึ่งนายฟุคะดะปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าจะยื่นฟ้องร้องนิตยสารดังกล่าวในฐานะที่ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง

การลาออกของอาเบะจะช่วย 'ต่อชีวิต' พรรครัฐบาล

ด้านนายจุนอิชิโร โคอิซุมิ อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคแอลดีพี ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารออนไลน์ Aera ของญี่ปุ่น โดยระบุว่านายอาเบะควรประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคแอลดีพีภายในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา และพรรคแอลดีพีจะจัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายอาเบะ ซึ่งดำรงตำแหน่งมาแล้ว 3 สมัย

สำนักข่าวเคียวโดนิวส์รายงานว่าคะแนนนิยมของนายอาเบะภายในพรรคแอลดีพี อยู่ในอันดับ 3 คิดเป็นร้อยละ 18.3 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนผู้ได้รับคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 คือ นายชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีคะแนนร้อยละ 26.6 และอันดับ 2 คือ นายชินจิโร โคอิซุมิ ส.ส.รุ่นใหม่ของพรรคแอลดีพี ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในฐานะลูกชายของอดีตนายกฯ โคอิซุมิ มีคะแนนร้อยละ 25.2

ชินจิโร โคอิซูมิ

(ชินจิโร โคอิซุมิ ส.ส.รุ่นใหม่ของพรรคแอลดีพี ได้รับคะแนนนิยมภายในพรรคสูงถึงร้อยละ 25.2)

นอกจากนี้ อดีตนายกฯ โคอิซุมิระบุด้วยว่า หากนายอาเบะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแอลดีพี จะช่วยเปิดทางให้เกิดการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพรรคได้ เพราะผลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักบ่งชี้ว่าประชาชนไม่ไว้วางใจการบริหารประเทศของนายอาเบะเพิ่มมากขึ้น แต่หากนายอาเบะไม่ลาออก อาจส่งผลให้พรรครัฐบาลแอลดีพีพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ส.ว.ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ได้

อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมต่ำสุดก่อนหน้านี้ของนายอาเบะอยู่ที่ร้อยละ 29.9 เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นก่อนจะมีการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว แต่หลังจากยุบสภา-เลือกตั้งใหม่ ปรากฎว่าพรรคแอลดีพีภายใต้การนำของนายอาเบะก็ยังได้รับชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลได้เหมือนเดิม

แรงกดดันทั้งในและนอกประเทศ

นายโซอิชิโร มนจิ หัวหน้าฝ่ายบริหารยุทธศาสตร์ของบริษัทเพื่อการลงทุน ไดวะ เอสบี ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่านายอาเบะอาจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันภายในพรรคเพิ่มขึ้น รวมถึงกระแสต่อต้านจากประชาชนทั่วไป เห็นได้จากการรวมตัวประท้วงนายอาเบะที่มีผู้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงที่สุดแล้ว นายอาเบะยังได้รับความนิยมและเชื่อมั่นจากกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งเห็นด้วยกับนโยบายอุ้มการลงทุนเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้ขยายตัวต่อไปได้ 

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์เจแปนไทม์ สื่อของญี่ปุ่น รายงานว่านายอาเบะกำลังเจอกับอุปสรรคในเวทีโลก เพราะญี่ปุ่นไม่อยู่ในรายชื่อประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ ที่ได้รับการยกเว้นมาตรการกีดกันการค้า ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันให้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค.และต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ขัดแย้งกับคำประกาศของนายทรัมป์ระหว่างที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ที่ระบุว่าสหรัฐฯ จะส่งเสริมความร่วมมือกับญี่ปุ่นในทุกๆ ด้าน ทั้งการค้า การทหาร และการป้องกันความมั่นคง

เจแปนไทม์รายงานว่า นายอาเบะมีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ แต่ไม่อาจรับประกันได้ว่าตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นจะเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมทางการค้าได้ เนื่องจากประเด็นสำคัญที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะหารือร่วมกัน ได้แก่ แนวทางการเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการรักษาความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: