ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เตือนประชาชนอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ - เขื่อนศรีนครินทร์ ระหว่าง 7 - 13 ก.ย. พร้อมกำชับพื้นที่ภาคกลางเตรียมป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ขณะที่ จ.นครพนม พื้นที่ติดริมน้ำโขงเตรียมขนย้ายสิ่งของรับมือระดับน้ำเพิ่มสูง

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ หลังฝนตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นการด่วน เพื่อเตรียมรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาสมทบอีก โดยเขื่อนวชิราลงกรณจะระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วง 4 - 7 ก.ย.นี้ และเขื่อนศรีนครินทร์จะระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วง 7 - 13 ก.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนตามแนวริมลำน้ำ และพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง หรือน้ำไหลหลากได้

นายกรัฐมนตรีจึงได้กำชับสั่งการไปยังจังหวัดเสี่ยงภัย คือ กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เตรียมการป้องกันความเสียหายและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย 

เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เช่น จ.นครพนม อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอีก จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ โดยขนย้ายสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ และสัตว์เลี้ยง ขึ้นที่สูงหรือสถานที่เหมาะสม

พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่า ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมใน 8 จังหวัด ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ สกลนคร เพชรบุรี นครนายก ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี โดยหน่วยงานภาครัฐได้ผนึกกำลังเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมทั้งแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว 

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการขอความช่วยเหลือสามารถโทรติดต่อได้ที่ สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.